• พรหมเล่ห์รัก (Destiny...I fall in love) - ตอนที่ 16 _ 40%

    ตอนที่ 16 _ 40%

                วีณาครุ่นคิดอย่างชื่นชมผู้ชายที่นั่งบนโซฟาตรงกันข้ามกันนี้สามารถพาเธอกลับบ้านได้โดยไม่มีแม้รอยขีดข่วน แถมยังจับตัวต้นเหตุที่ทำให้ตกอกตกใจมัดเอาไว้ได้อีกด้วย ดูจากสภาพอีกคนคาดว่าคงผ่านการต่อสู้มาอย่างหนัก แต่พี่พงศ์ไม่ยักกะมีร่องรอยการต่อสู้หรือบาดเจ็บให้เห็น ผิดกับผู้ชายอีกคนที่ตอนนี้ดูคล้ายกำลังนอนหลับ วีณาเองก็ไม่มั่นใจว่าผู้ชายคนที่ถูกมัดเขาหลับจริงๆ หรือเปล่าทำไมดูทุรนทุรายเหลือเกิน อีกอย่างเขาก็ยังดูเหมือนไปรบสงครามเวียดนามแล้วเพิ่งกลับมาเสียด้วยสิ

                แต่ที่น่าแปลกใจมากกว่านั้น วีณาจำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อยว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลังจากถูกชมว่าเป็นสาวสวย...คางและแก้มนวลที่โดนบีบจากมือหยาบหนายังคงรู้สึกเจ็บอยู่เพียงเล็กน้อยแต่รอยช้ำสีคล้ำเขียวๆ ม่วงๆ ที่ปรากฏนี่สิ หันซ้ายหันขวามองดูกี่ทีก็เหมือนตนเองเพิ่งกลับจากไปชกศึกวันทรงชัยตงิดๆ วีณาคิดจะถามคนหล่อหน้าตาดีแต่โอกาสไม่เอื้ออำนวย

                เฮ้อ... จริงๆ แล้วโอกาสก็เอื้ออำนวยจะตายไป ถ้าคุณพี่พงศธรจะยอมหันหน้ามามองสักนิดหนึ่งน่ะนะ ตั้งแต่กลับมาถึงบ้านใหญ่พี่พงศ์ก็ไม่ยอมเปิดปากคุยกับเราเลยแม้แต่น้อยเอาแต่นั่งอ่านหนังสือเล่มนั้นอยู่ได้

                สายตากลมโตจ้องมองหน้าปกหนังสือเล่มหนาที่อยู่ในมือของคนที่นั่งเอนหลังไม่ยอมปริปากคุยกับเธอเลยตั้งแต่กลับมา “การฝึกสุนัขสำหรับมือใหม่” วีณาไม่เห็นว่าในตอนนี้การฝึกสุนัขมันจะสำคัญสักเท่าใด เธอต่างหากที่สำคัญ เจ็บตัวแถมยังจำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

                หรือว่าเราเป็นลม...ก็ไม่น่านะ ส่ายศีรษะไปมาเมื่อไม่เห็นด้วยกับข้อสันนิษฐานที่ตนเองตั้ง

                แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันล่ะ? โอ๊ย! สมองน้อยๆ ทำไมถึงนึกไม่ออกกันนะ อ๊ะ..หรือว่า หรือว่าเราความจำเสื่อมชั่วขณะ... อืม... คงไม่หรอกมั้ง หรือว่า... พี่พงศ์โกรธที่เรา...

                วีณาพยายามคิด หญิงสาวเดาทุกทางที่คิดออกหัวคิ้วได้รูปขมวดมุ่นแลดูน่าสงสารพิกล ทุกอย่างที่ใบหน้านวลงามแสดงออกไม่อาจรอดพ้นสายตาของพงศธรไปได้

                ชายหนุ่มยอมรับว่าที่สุดแล้วเขาไม่อาจทนเห็นรอยช้ำบนใบหน้านวลของหญิงสาวได้ ไม่อาจทนมองร่องรอยนั้นได้โดยไม่อยากจะฆ่าคนที่ยังไม่หลุดออกจากมนต์มายาที่เขาสร้างเพื่อมันโดยเฉพาะ พงศธรเลือกวิธีที่รวดเร็วที่สุด วิธีที่คำนวณแล้วว่าเป็นต่อ... ไม่เปลืองแรงและที่แน่ๆ ไม่เหนื่อย หลังจากที่มันหลงวนอยู่ในห้วงที่เขาเป็นคนสร้างขึ้นนั้น พงศธรเองให้สัญญาณกับนางโหงพราย เมื่อเห็นว่าพาร่างบอบบางของวีณาเข้าไปนั่งที่นั่งข้างคนขับเรียบร้อยแล้ว



                ควันสีขาวพวยพุ่งออกทางท้ายทอย เมื่อควันจางหายกลับกลายเป็นร่างของนางโหงพรายที่และดูโปร่งแสงเช่นทุกวันยืนอยู่แทน พงศธรเอ่ยขอบใจลูกน้องก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกปล่อยให้หญิงสาวที่เพิ่งถูกนางโหงพรายสิงสลบอยู่เช่นเดิม กายเนื้อที่ไม่เคยผ่านการฝึกฝนมาก่อนเลยของเธออาจจะยังไม่สามารถรองรับเรื่องแบบนี้ได้ ร่างกายจึงตอบสนองด้วยการหลับแทน

                เสียงเข้มกรอกสั่งงานทันทีเมื่อปลายสายมีคนรับ พงศธรไม่สนใจว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีอาการเป็นเช่นไร ตอนนี้รถสองคันจอดขวางถนนอยู่ แลดูเกะกะชาวบ้านที่เขาจะสัญจรผ่านไปผ่านมาเสียจริง ดีที่คนแถวนี้นอนกันแต่หัวค่ำซึ่งนี่ก็ดึกมากแล้วจึงหาคนผ่านไปมายาก เมื่อสั่งงานเสร็จแล้วพงศธรก็เดินเข้าไปดูผลงานที่เขาจัดการค้างเอาไว้ก่อนหน้า

                แล้วเขาก็ได้เห็นวินาทีที่สวยงามตื่นตาตื่นใจ เมื่อควายธนูสีทองตัวโปรดของเขาจัดการคู่ต่อสู้ตัวสีดำได้เป็นที่เรียบร้อยแล้วให้ชมเป็นขวัญตา เขาเงาวับที่แหลมโค้งทำมุมสวยของสัตว์ที่มีสีทองอร่ามเสียบเข้าที่หัวใจของศัตรูตัวดำกล้ามแน่นอย่างโหดเหี้ยมแลดูน่าเวทนาจริงๆ เมื่อพ่ายแพ้หมดรูปควายธนูสีดำก็กลับสู่สภาพเดิมก่อนเสกเวทย์ ตัวเล็กไร้ซึ่งพิษสงแถมยังมีรูโหว่ที่หน้าอกรูเบ้อเริ่มหมดสภาพกันเลยทีเดียว

                ส่วนเจ้านายของมันตอนนี้ล้มตัวลงนอนอยู่ข้างท้ายรถของมันเองโดยมีเต่าพยนต์เฝ้าอยู่ไม่ไกล ชายหนุ่มยื่นฝ่ามือไปข้างหน้าพึมพำคาถาเรียกเต่าวิเศษกลับมา จากเต่าสีทองตัวใหญ่บัดนี้กลับกลายเป็นเต่าตัวเล็กเท่าฝ่ามือเช่นเดิม พงศธรเห็นอีกฝ่ายสิ้นฤทธิ์นอนที่พื้นแต่เกร็งมือและเท้าเตะต่อยน่าดูราวกับกำลังฝันร้ายก็ส่ายศีรษะไปมา ใบหน้าคมสันเงยขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงรถยนต์และเห็นแสงไฟแวบมาจากไม่ไกลนัก ลูกน้องของเขาคงมาแล้วถ้าจำเสียงรถไม่ผิดแล้วก็เป็นจริงตามนั้น ชายหนุ่มสั่งให้ลูกน้องสามคนจัดการมัดมือมัดเท้าแล้วพาตัวชายแปลกหน้ารวมทั้งพาหนะของมันด้วย กลับไปที่สวน

                เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ ผ่านไปยังไม่ถึงชั่วโมงดีนัก ร่างบางที่นอนสลบไม่ได้สติจนเขาต้องทำการเรียกขวัญกลับคืนมาให้ด้วยกลัวว่าจะเกิดอันตรายกับเธอขึ้น เขาต้องมั่นใจว่าหญิงสาวต้องปลอดภัยไม่มีอื่นมากล้ำกลาย เมื่อผ่านการเรียกขวัญแล้วอีกไม่ถึงสิบนาทีตากลมโตก็กลับมาฉายแววหวานอีกครั้ง เธอทำท่าเหมือนจะถามอะไร คาดว่าคงเพราะเหลือบไปเห็นตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องเจ็บตัว แต่ตัวเขาเองนั้นกลับเดินเลี่ยงและยังไม่พร้อมจะตอบคำถามใดๆ ทั้งสิ้น ใช้สายตาปรามยัยตัวแสบที่กลับมาซ่าได้ดังเดิมว่าให้รอก่อนอย่าเพิ่งวุ่นวาย


                ร่างบางที่ไม่ได้นั่งนิ่งอยู่กับที่ เริ่มเดินเข้าไปสำรวจชายแปลกหน้าที่โดนมัดมือมัดเท้าและยังโดนมัดเอาไว้เข้ากับเก้าอี้เหล็กอีกด้วย ทำให้พงศธรจำต้องละสายตาจากหนังสือการเลี้ยงสุนัขที่ถืออยู่ในมือ คิ้วคมขมวดพันกันจนยุ่ง จิตใจที่เคยสงบอยู่เสมอกลับกลายเป็นร้อนระอุเมื่อเกิดเหตุการณ์ตอนหัวค่ำเป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างดีเลยว่า เขาคิดอย่างไร... คิดอย่างไรกับยัยตัวยุ่งที่พอฟื้นขึ้นมาก็เดินวุ่นไปทั่วเลย

                วีณาเดินเข้าไปจ้องหน้าคนโดนมัดหวังจะจำหน้าของผู้ชายคนนี้ให้แม่น หลังจากที่เดินวนดูรูปพรรณสัณฐานของคนนิสัยไม่ดีคนนี้แล้ววีณาก็นึกโมโหที่เขาทำเธอแก้มระบม วีณาหมายจะเอาคืนมือไวเท่าใจคิดหญิงสาวคว้าแจกันคริสตัลเนื้อหนาคุณภาพดีไม่มีดอกไม้หรือน้ำอยู่ในแจกันเพราะมันมีหน้าที่แค่ตั้งโชว์เท่านั้น มือเรียวข้างขวากำคอแจกันแน่นเหวี่ยงมันไปทางขวามือ ตากลมฉายแววมุ่งร้ายเล็งที่ใบหน้าข้างซ้ายของคนที่กำลังจะตกเป็นเหยื่อแต่ก็ต้องหยุดชะงักค้างอยู่กับที่เมื่อเสียงนุ่มของคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ ดังขึ้น

                “วีณา”

                “จ๋า” เสียงหวานตอบกลับแต่ดวงตายังคงเล็งอยู่ที่เดิม

                “วีณา” พงศธรเรียกซ้ำเสียงเข้มกว่าเดิม

                “โหย...พี่พงศ์” หญิงสาวยอมรามือจัดการเอาแจกันกลับไปวางไว้ที่เดิม ก่อนจะเดินเข้าไปหาพงศธรเมื่อเห็นเขาตบเบาะโซฟาที่ตนเองนั่งอยู่เบาๆ สองที

                เมื่อวีณาเดินมานั่งลงบนโซฟาเดียวกันแล้วจำต้องหันหน้าไปมองพงศธรที่บัดนี้หันทั้งตัวมามองเธอเต็มๆ แล้ว ทั้งสองนั่งหันหน้าเข้าหากัน ระยะประชิดขนาดนี้วีณาเริ่มหายใจติดขัดแต่ก็จ้องคนหล่อของเธอไม่วางตา

                “เอ่อ พี่พงศ์เรียกวีณามานั่งตรงนี้ทำไมคะ” วีณาเริ่มถามก่อนเพื่อลดอาการอึดอัด

                เฮือกตากลมโตเบิกกว้างเมื่อไม่มีคำตอบกลับมาเป็นเสียงมีแต่ฝ่ามือหนาที่ยกขึ้นมา เรียวนิ้วที่แตะแก้มเธอแผ่วเบาราวกับกลัวช้ำ วีณามั่นใจว่าตอนนี้ใบหน้าของเธอคงกำลังประจานหัวใจที่เขินอายอยู่เป็นแน่

                “เจ็บมากไหม”

                โอ๊ยไม่เจ็บก็บ้าไปแล้วสิคะ เจ็บจะตาย แต่ต่อให้มันเอาไม้หน้าสามมาฟาดหน้าวีณาจนเละ วีณายังยอมเลยค่ะพี่ ถ้าโดนแล้วพี่จะทำแบบนี้กับวีณา อ๊ายๆๆ เขินจังเลย คนหล่อห่วงเราด้วย’ ถ้าเธอตอบแบบนี้ได้ก็คงจะดีแต่ตอนนี้วีณายอมเป็นคนบ้ารักษาภาพพจน์นางเอก

                “วีณาไม่เจ็บหรอกค่ะ พี่พงศ์ไม่ต้องห่วง” ถ้ามีแจกรางวัลเธอคงได้รางวัลตุ๊กตาทองอย่างไม่ต้องสงสัย

                “ไม่เจ็บก็ดีแล้ว”

                “แล้วพี่ละคะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” วีณาถามกลับก่อนจะทำใจกล้าหน้าด้านเอามือเล็กๆ ของตัวเองยื่นไปแตะที่ใบหน้าหล่อเหลาของพงศธรบ้าง

                ถือว่าหยวนๆ นะพี่พงศ์ พี่แตะได้วีณาก็แตะได้ คนอะไรหล่อทะลุหัวใจจริงๆ เลย โอ๊ย... ใจจะละลายเลือดกำเดาจะพุ่ง สมาธิเริ่มแตกซ่านมือทีอาจหาญไปแตะผิวหน้าของคนหล่อเริ่มสั่น ไม่รู้สั่นเพราะอะไรแต่ตัวเจ้าของมือเองคาดว่าเธอจะสั่นสู้

                พงศธรจับมือเรียวของสาวน้อยตรงหน้าเอาไว้ก่อนจะรั้งร่างบางเข้ามากอดอย่างรวดเร็ว อ้อมกอดอุ่นร้อนที่มาโดยไม่ทันได้ตั้งตัวทำเอาวีณาหยุดหายใจไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบสูดหายใจเข้าพร้อมกับความเป็นจริงที่ว่าพี่พงศ์ดึงเธอเข้าไปกอดแถมยังกอดแน่นเสียด้วย ความหวาดกลัวและความอ่อนแอที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากแห่งความกล้าหาญถูกสะกิดแผลให้เปิด หญิงสาวซุกใบหน้าเข้าแผงอกอุ่นเรียวแขนเสลากอดรัดเขาแน่นอย่างไม่อาย วีณาขอซึมซับความปลอดภัยจากผู้ชายคนนี้เพื่อลบล้างความหวาดกลัวที่เกาะกินในใจให้หมดไป

                มือหนาลูบศีรษะของร่างบอบบางแผ่วเบา รอจนหญิงสาวคลายอ้อมแขน เมื่อใบหน้านวลที่ยังมีรอยช้ำให้เห็นเงยหน้าขึ้นมองเขา พงศธรก็โน้มลงหาใบหน้างามตรงหน้าอย่างต้องมนต์ความอบอุ่นที่บังเกิดระหว่างสองคน ดวงตากลมโตจำต้องหลับตาพริ้มเมื่อรับรู้ถึงริมฝีปากหนาอุ่นชื้นประทับเข้าที่แก้มและตามไรคาง รอยจุมพิตที่ราวกับจะปลอบประโลมให้รอยช้ำนั้นจางหายไปจางใจเธอให้เร็วที่สุดราวกับเวทย์มนต์.................

    ********ขอเม้นให้กำลังใจไรเตอร์บ้างนะคะ ********

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

    อิอิ เขิลลล ><

    เปนกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ^^

แสดงความคิดเห็น