• พรหมเล่ห์รัก (Destiny...I fall in love) - ตอนที่ 7

    ตอนที่ 7

                วีณาที่อาบน้ำเสร็จแล้วนั่งอยู่บนเตียงนอนหลังใหญ่ ภายในห้องนอนสีขาวที่ตกแต่งอย่างสวยงาม แต่ของตกแต่งห้องทั้งหลายนั้น หญิงสาวสังเกตดูก็รู้ว่าน่าจะเป็นห้องของผู้ชายมาก่อน ถ้าเธอเดาไม่ผิดก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าของบ้านสุดหล่อ สายตาที่สำรวจไปทั่วห้องแต่ไม่ยอมลุกไปดูนั้น บ่งบอกว่าเธอหมดแรงที่จะทำอะไรนอกเหนือจากการนอนหลับเท่านั้น

                หญิงสาวเอนหลังบนที่นอน ผ้าปูที่นอนและผ้าห่มหอมกรุ่น เธอนึกไปถึงอาหารมื้อเย็นที่เพิ่งผ่านมา หลังจากที่ทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะกำลังเดินกลับบ้านเล็กโดยมีเจ้าของบ้านเดินตามมาส่งนั้น เธอรู้สึกอารมณ์ดีเหลือเกินตรงกันข้ามกับเจ้าของบ้านที่กำลังทำหน้านิ่ง จนหญิงสาวต้องคอยเหลือบมองอยู่บ่อยๆ

                พี่พงศ์คะ พรุ่งนี้วีณาต้องทำอะไรบ้างคะ?เธอถามเขาเมื่อเห็นว่าเขาทำท่าจะหมุนตัวกลับไปอย่างรวดเร็ว

                พงศธรหยุดนิ่งอยู่กับที่ เขานิ่งคิดก่อนจะตอบออกมาด้วยเสียงทุ้มพาให้ใจสาวหวั่นไหว พักผ่อนตามสบาย คุณจะทำอะไรก็ได้ ขอแค่ไม่ออกไปไหนนอกสวนของผม แค่นี้คุณทำได้ใช่ไหมวีณา

                สบายมากเลยค่ะพี่ เรื่องแค่นี้วีณาทำให้ได้อยู่แล้ว

                วีณาส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจให้ไป แม้เขาจะไม่สนใจเดินจากไปโดยไม่เอ่ยราตรีสวัสดิ์กับเธอสักคำ หญิงสาวไม่สนใจเธอยังคงโบกมือให้เขาไล่หลัง ก่อนจะกล่าวราตรีสวัสดิ์ออกมาเบาๆ

                ราตรีสวัสดิ์นะคะพี่พงศ์ ฝันถึงวีณาบ้างนะ อ้อ! ฝันแต่เรื่องดีๆ นะคะพี่ เรื่องที่วีณาไม่เรียบร้อยอย่าเก็บเอาไปฝันเลยค่ะ วีณาเขิน

                เธอหัวเราะร่วนในลำคอ ก่อนจะหันหลังกลับเข้าที่พักที่เธอไม่รู้ว่าจะต้องอยู่ไปอีกนานเท่าใด แม้หญิงสาวจะเบื่อที่ไม่รู้เวลาที่แน่นอน แต่เธอก็มีจุดมุ่งหมายให้ทำเพื่อเป็นการฆ่าเวลาระหว่างอยู่ที่นี่แล้ว นั่นคือการทลายกำแพงของผู้ชายที่โดนใจและตรงสเปกเธอที่สุดตั้งแต่เธอเกิดมาพบเจอเพศตรงข้ามกันเลยทีเดียว

                “เฮ้อ ท่าทางเราจะเป็นเอามากนะ ชอบเขาก็ลุยเลยสิไอ้วีณา รุกเลย! สู้ๆ” หญิงสาวให้กำลังใจตัวเองทั้งๆ ที่นอนหลับตาอยู่บนที่นอน แล้วเสียงหวานก็ขาดหายไปเหลือแต่เสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอบ่งบอกว่าคนบนเตียงได้เข้าสู่ห้วงนิทราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


                ที่โซฟานั่งเล่นมุมห้อง กัลยานั่งมองหญิงสาวที่เธอตามมาจนถึงเชียงใหม่ เนื่องจากวีณาหยิบสร้อยข้อมือหยกติดมาในกระเป๋าเดินทาง ทำให้เธอได้มาเที่ยวเชียงใหม่ โคลงศีรษะอย่างระอาอย่างไม่เคยพบเคยเห็นว่ามีผู้หญิงที่ไหนแสดงท่าทางปลาบปลื้มผู้ชายออกนอกหน้าขนาดนี้

                ‘วีณานี่ก๋ากั่นจริงๆ เชียว ผู้หญิงสมัยนี้ใจกล้ากันเสียจริง ว๊าย! ใครน่ะ!’

                กัลยาร้องออกไปเมื่อเธอสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติภายนอกหน้าต่าง แล้วเธอก็ต้องถอนหายใจเมื่อเธอเห็นชัดเต็มสองตาว่า เป็นนางโหงพรายลูกน้องของเจ้าของบ้านนั่นเอง เธอลอยไปหาอย่างรู้หน้าที่ ผู้มาอาศัยอย่างเธอต้องนอบน้อมกับผู้ที่อยู่มาก่อน

                เอ่อ ขอโทษนะคะ เรียกฉันหรือเปล่าคะเมื่อเธอหายตกใจ กัลยายิงคำถามทันทีเมื่อเห็นนางโหงพรายยืนจ้องเธอนิ่งนอกหน้าต่าง

                อืม นายให้มาตาม

                เพียงแค่นี้ที่เอ่ยออกมา แล้วนางโหงพรายก็หายวับไปกับตา กัลยาที่รู้อยู่แล้วว่าจะต้องตามไป ก็หายวับไปไล่เลี่ยกันกับนางโหงพรายอย่างรวดเร็ว


                เที่ยงคืนหลังจากเขาวางสายโทรศัพท์จากน้องสาวนอกไส้แล้วนั้น ก็ถึงเวลาพักผ่อนของเขาจริงๆ เสียที หลังจากที่ต้องโทรรายงานเรื่องยุ่งวุ่นวายเรื่องอื่น นอกเหนือจากพาตัวยัยจอมยุ่งวีณามาเก็บตัวตัดขาดออกจากโลกภายนอก เรื่องลึกลับที่บอกใครหรือแม้กระทั่งบอกเจ้าตัวเองที่พาวิญญาณติดตามมาก็คงไม่เชื่อ คนที่จะเชื่อเขานั้นก็ต้องเป็นคนประเภทเดียวกันเท่านั้น ซึ่งน้องสาวทูนหัวของเขานั้นก็ไม่พูดอะไร ได้แต่นิ่งเงียบฟังคำบอกเล่าจากเขาจนจบ ก่อนจะเอ่ยฝากฝังเสียงอ่อนหวานให้เขาเป็นคนจัดการ ซึ่งเขาเองก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าพลาดรับปากน้องสาวไปแล้ว ก็หลังจากวางสายนั่นเอง

                “ฮ่าๆๆ พี่ไม่เคยชนะกระติกเลยสักครั้งสินะ น้องสาวสุดที่รัก”

                หลังจากที่พงศธรใช้นางโหงพรายไปเรียกวิญญาณตนนั้นมาคุยกันให้รู้เรื่อง ก็ได้เรื่องว่าวิญญาณสาวที่ชื่อกัลยา ติดตามวีณามาพร้อมกับสร้อยข้อมือหยกที่ซื้อจากเมืองจีน ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร อีกทั้งยังแสดงความดีใจจนออกนอกหน้าที่มาเจอเขา ซึ่งมองเห็นและยังสามารถพูดคุยกับวิญญาณได้ พงศธรเมื่อรับรู้แล้วว่าวิญญาณที่ติดตามมานั้น เป็นแค่วิญญาณที่มีห่วง ยังคงต้องการแก้ไขความเข้าใจผิดของพี่สาวเรื่องการตายของตน แต่ก็คงจะทำได้ยากเพราะมันก็ผ่านมาหลายสิบปีแล้ว

                “เฮ้อ ยัยตัวยุ่งหาเรื่องวุ่นวายมาให้ไม่หยุดหย่อนเลยนะ”

                พงศธรถอดเสื้อยืดออกก่อนจะเอนกายลงนอนบนที่นอนหลังงาม ด้วยความหวังที่ว่าพรุ่งนี้ชีวิตของเขาคงจะสงบสุข อย่าได้มียัยตัวยุ่งเข้ามาก่อกวนหรือมาป่วนเลย

                “หึหึหึ ฝันถึงบ้าง ฝันแต่เรื่องดีๆ เรื่องที่ไม่เรียบร้อยอย่าเก็บเอาไปฝัน วีณาเขิน เฮ้อ ถ้าอย่างนี้เรียกว่าเขิน แล้วถ้าวันไหนไม่เขินขึ้นมา วันนั้นสงสัยไอ้พงศธรอาจจะถูกดักฉุดก็ได้ใช่ไหมเนี่ย”

                เสียงพูดเจือแววขบขัน เมื่อนึกไปถึงคำพูดของหญิงสาวที่ได้รับการบอกกล่าวจากนางโหงพราย เขาเองแทบกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่เมื่อได้ยินครั้งแรกตอนที่กำลังเดินกลับบ้านใหญ่ ในใจก็คิดกระหวัดไปถึงใบหน้างามแฝงแววทะเล้นอยู่ในที รอยยิ้มที่มักจะส่งมาให้เขาเสมอ รอยยิ้มจริงใจเหมือนจะไม่มีสิ่งใดแอบแฝง แต่เขาก็มักจะได้มารับรู้ทีหลังว่า เป็นรอยยิ้มที่แฝงการจีบเขาเอาไว้ด้วย เป็นการจีบที่เขาต้องนับถือในความกล้า มันจะได้ผลดีก็ต่อเมื่อไม่ได้ใช้ลูกเล่นแบบนี้กับเขา

                “ยัยจอมยุ่ง! วีณา ผมว่าคุณต้องพัฒนาฝีมือใหม่แล้วนะ ผมจะคอยดูว่าคุณจะจีบผมแบบไหน หึหึหึ”

                รอยยิ้มที่เผยออกมาโดยเจ้าตัวยังไม่รู้ตัว พงศธรรู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้รับรู้คำพูดหรือพฤติกรรมแปลกประหลาดของหญิงสาว ทำให้เขารอคอยโดยไม่รู้ตัว


                กัลยาได้รับคำอนุญาตให้อยู่อาศัยได้ แต่อย่าทำให้วีณาตกใจหรือปรากฏกายให้เห็นเด็ดขาด ซึ่งผีสาวขี้เหงาอารมณ์ดีอย่างเธอก็รับปากทำตามอย่างง่ายดาย เพราะตั้งแต่มาที่นี่เธอไม่เหงาเลยมีวิญญาณในบ้านหลายตนที่เข้ามาคุยกับเธอ แต่ละตนนั้นไม่มีตนไหนเลยที่เป็นผีเละน้ำเหลืองไหลเยิ้มเหมือนที่มักจะเจออยู่เสมอ มีแต่วิญญาณที่เต็มเปี่ยมไปด้วยบุญสภาพจึงดีเหมือนคนปกติทั่วๆ ไป ซึ่งกัลยาสอบถามด้วยความสงสัยว่าทำไมถึงมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ พวกผีทั้งหลายก็แย่งกันตอบเสียจนกัลยาอดหัวเราะไม่ได้ หลังจากที่ฟังพวกเขาแย่งกันพูดอยู่นาน กัลยาก็สรุปได้ว่า พวกเขาเป็นวิญญาณเร่ร่อน เป็นวิญญาณสัมภเวสีที่ปู่ของพงศธรเก็บมาเลี้ยง ไม่มีหน้าที่อะไรมากแค่ให้ช่วยทำมาหากิน เฝ้าดูแลสวนและสิ่งของของเจ้าของบ้านให้ปลอดจากขโมย

                วิญญาณทั้งหลายจะได้รับการอุทิศและแผ่ส่วนกุศลให้ทุกเช้าจนกว่าจะหมดเวรหมดกรรมไปเกิดในภพภูมิใหม่ พงศธรซึ่งเป็นเจ้าของบ้านได้รับการฝากฝังและถ่ายทอดวิชาต่างๆ มาจนหมด ชายหนุ่มต้องดูแลและควบคุมวิญญาณเหล่านี้ต่อไป แต่ไม่ได้ไปรับวิญญาณมาเพิ่มเขาก็แค่ทำหน้าที่รับเลี้ยงวิญญาณที่มีอยู่เดิมให้ดีจนกว่าวิญญาณเหล่านั้นจะไปเกิดเพียงแค่นั้น

                กัลยาถือว่าตนเองโชคดีที่ได้ตามวีณามาเที่ยวเล่นที่เชียงใหม่ เป็นความบังเอิญที่ส่งผลดีสำหรับเธอ ตอนนี้ผีสาวมีความรู้สึกสังหรณ์ใจว่าอีกไม่นานความหวังของเธอจะเป็นจริงในช้า และเธอก็อยากจะขอให้มันเป็นอย่างนั้น


                เพล้ง!!!

                “ว๊าย!!! ขอโทษค่ะ วีณาไม่ได้ตั้งใจ”

                เสียงผู้หญิงที่ก่อกวนเขาตั้งแต่เช้าจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากผู้หญิงจอมยุ่งคนนั้นแน่นอน ปกติป้าแม่บ้านไม่เคยทำเสียงดังรบกวนเขาเลยสักนิด พงศธรลืมตาตื่นทันทีที่ได้ยินเสียงสิ่งของตกแตก เขาหงุดหงิดเล็กน้อยที่ต้องตื่นก่อนเวลา ถ้าเขาเดาไม่ผิด น่าจะเป็นแจกัน เพราะของในบ้านของเขาหลังนี้ จะมีกระเบื้องและแก้วอยู่ไม่กี่อย่าง ยิ่งหน้าห้องนอนของเขายิ่งมีแค่อย่างเดียวคือแจกัน ตอนนี้อะไรจะแตกเขาก็ไม่สนใจแล้ว ชายหนุ่มสนแต่เพียงว่าเธอขึ้นมาทำไม

                พงศธรที่สวมแค่กางเกงนอนขายาวรีบลุกขึ้นจากที่นอน เขาเดินไปเปิดประตูยืนพิงประตูห้อง ก่อนจะถามหญิงสาวที่กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ที่กองแจกันสำหรับโชว์ที่แตกเป็นเสี่ยงๆ ตรงหน้า

                “ทำอะไรน่ะวีณา?” ชายหนุ่มยิงคำถามทันที เสียงของเขาเข้มเสียจนรู้สึกเลยว่าหญิงสาวรีบส่งยิ้มหวานมาประจบเขาทันทีที่คำถามจบ

                “เอ่อ...”

                “ขึ้นมาข้างบนทำไม ผมบอกคุณว่ายังไงจำไม่ได้หรือไงครับ?” เขาถามถึงข้อตกลงที่คุยกันไปแล้วเมื่อวาน ชายหนุ่มยืนกอดอกอวดแผงอกล่ำ เลิกคิ้วถามอย่างสงสัย ส่งสายตาดุๆ ให้เธอ จ้องหญิงสาวตาไม่กระพริบ

                “อุ๊ย! พี่พงศ์คะ จำได้สิคะ อะไรที่พี่พงศ์บอก วีณาทำตามทู๊กอย่าง”

                วีณาลากเสียงสูงโดยไม่รู้ตัว กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างยากลำบาก ตากลมโตเบิกกว้างจ้องไปที่ผู้ชายที่กำลังยืนกอดอกดุเธออยู่ตอนนี้ จะเรียกว่าดุหรือไม่เธอไม่แน่ใจ ก็เสียงยังนุ่มน่าฟัง หน้าตาตอนตื่นนอนก็เซ็กซี่เหลือร้าย หุ่นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ขนาดตอนใส่เสื้อเธอยังหวั่นไหวนับประสาอะไรกับตอนนี้ เลือดกำเดาเธอจะไหลหมดตัวก็คราวนี้แน่เลย

                ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย เมื่อเธอไม่ตอบคำถาม พงศธรเอื้อมมือกดปุ่มเล็กๆสีขาวด้านในห้อง ก่อนจะพูดกับหญิงสาวตรงหน้าที่จ้องเขาตาค้างอีกครั้ง

                “วีณาครับ ผมถามว่า คุณขึ้นมาข้างบนทำไม ทั้งๆ ที่เมื่อวานผมก็บอกคุณแล้วว่าอย่าเข้ามาในบ้านหลังนี้ ผมต้องการความสงบและความเป็นส่วนตัว”

                “ค่ะพี่พงศ์ คือว่า...”

                “คุณพงศ์เรียกป้าขึ้นมามีอะไรหรือ... ว๊ายคุณวีณาถอยออกมาค่ะ เดี๋ยวป้าทำเองค่ะ โถ...แม่คุณ ระวังมันบาดมือนะคะ”

                ป้าสมรที่เป็นแม่บ้านประจำบ้านนี้ร้องเสียงหลง เมื่อเห็นหญิงสาวที่เธอนึกเอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลานนั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ แจกันที่แตก ปกติเธอจะต้องตื่นมาเตรียมอาหารตั้งแต่ตีห้า วันนี้ก็เหมือนเดิมแต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือในห้องครัวกลับมีหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรานั่งอยู่ ในตอนแรกเธอนึกว่าหญิงสาวจะเข้ามาสั่งอาหารตามที่เธออยากรับประทาน แต่ผิดคาดเธอกลับยกมือไหว้ ก่อนจะเอ่ยฝากเนื้อฝากตัว เป็นการฝากเนื้อฝากตัวที่เอาใจหญิงแก่ที่อยากมีลูกสาวใจจะขาดอย่างเธอไปเลยทั้งดวง

                สวัสดีค่ะคุณป้า หนูชื่อวีณานะคะ เพิ่งเข้ามาอยู่เมื่อวานนี้เองค่ะ มีเรื่องราวนิดหน่อยที่กรุงเทพ พี่พงศ์ใจดีช่วยรับปากดูแลวีณา ให้วีณาเข้ามาอยู่ในบ้านหลังเล็กค่ะ แต่วีณาจะไม่เข้ามาอยู่ฟรีๆ นะคะ คุณป้ามีอะไรให้วีณาช่วยก็บอกวีณาได้เลยค่ะ จะหั่นผัก เด็ดผัก จับจอบจับเสียมหรืองานอะไรวีณาก็ทำได้ค่ะ แต่ยกเว้นนะคะ

                สมรมองหน้าหญิงสาวตรงหน้าที่หยุดพูดกะทันหัน เธอเห็นหญิงสาวส่งยิ้มมาให้ ด้วยวัยที่ผ่านโลกมามากอย่างเธอ ดูก็รู้ว่าหญิงสาวตรงหน้าเป็นคนจริงใจไม่เสแสร้ง และด้วยความอยากรู้สมรจึงเอ่ยปากถามอย่างอดรนทนไม่ได้ เมื่อไม่เห็นทีท่าว่าหญิงสาวน่ารักตรงหน้าจะเอ่ยอะไรออกมาอีก

                แต่อะไรคะ

                ฮ่าๆๆๆ แต่ขอร้องอย่างเดียวค่ะคุณป้า อย่าให้วีณาเป็นคนปรุงกับข้าว เพราะไม่อย่างนั้นแทนที่จะได้กับข้าวรสชาติอร่อยฝีมือคุณป้าเหมือนทุกๆ วัน กลับกลายเป็นผัดผักน้ำปลาหรือไม่ก็ต้มยำน้ำปลาได้นะคะ

                คำกล่าวที่เรียกได้ว่าไม่เย่อหยิ่งเลยสักนิด รู้จักนอบน้อมถ่อมตน รู้จักเข้าหาผู้ใหญ่ก่อนทำให้ได้ใจของสมรแม่บ้านเก่าแก่ของบ้านนี้ไปเต็มๆ แล้วสาวทั้งสองวัยก็ทำกับข้าวด้วยกัน โดยที่วีณาเป็นลูกมือที่ขยันสมคำที่อวดตัวเองตั้งแต่แรก

                “คุณวีณาออกมาเลยนะคะ เก็บเศษกระเบื้องเนี่ยคุณไม่ต้องเก็บเลยค่ะ เดี๋ยวป้าเก็บเอง ไปค่ะ...ถอยออกมาเลยนะคะ” สมรจัดการพาวีณาออกมาทันที ปกป้องหญิงสาวดังลูกน้อยของเธอจนพงศธรที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่เงียบๆ ต้องแปลกใจว่าทั้งสองคนไปสนิทกันตอนไหน

                ยัยจอมยุ่งมาอยู่แค่คืนเดียวเอาป้าสมรเป็นพวกได้เลยหรือนี่ อืม เก่งเหมือนกันนะ หึหึหึพงศธรคิดในใจ เขาไม่คิดว่าป้าสมรจะหลงยัยจอมยุ่งออกนอกหน้านอกตาอย่างนี้

                “วีณา...ปล่อยให้ป้าสมรทำไป คุณไปรอผมที่โต๊ะอาหารได้เลย” ชายหนุ่มสั่งเสียงเข้ม เมื่อยังเห็นว่าวีณาพยายามจะยุ่งวุ่นวายช่วยป้าสมรเก็บเศษกระเบื้อง เขารู้ว่าเธอไม่เห็นด้วยที่จะให้ป้าสมรเก็บกระเบื้องที่แตกเพียงลำพัง

                “คุณเชื่อผมเถอะ ไปรอที่โต๊ะอาหาร...”

                “แต่ว่า...” เสียงหวานพูดแทรกทันที วีณาพยายามจะแย้ง เธอไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัว เธอทำแจกันตกแตกเอง เธอก็ต้องเป็นคนเก็บสิ

                “ป้าสมรเก็บคนเดียวเร็วกว่ามีคุณช่วยแน่นอน ไม่เชื่อคุณลองถามป้าสมรดูสิ”

                วีณาทำตาโตเมื่อได้ยินเหตุผลจากคนหน้าตาดี ที่ยืนโชว์กล้ามหน้าอกจนเธอตาพร่า สมองเบลอ สติสัมปชัญญะในการที่จะโต้แย้งหายไป เธอรีบหันไปมองใบหน้าของป้าสมร แล้วหญิงสาวก็ต้องหน้าแดง เมื่อเธอเห็นท่าทางของป้าสมรที่อมยิ้มน้อยๆ แต่พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเจ้านาย หญิงสาวรีบลุกขึ้นทันที

                “โธ่ ป้านะป้า เข้าข้างพี่พงศ์คนเดียวเลย วีณายอมเสียมารยาทไม่อยู่ช่วยป้าก็ได้ค่ะ ไหนๆ ป้าสมรก็จัดการเองคนเดียวได้รวดเร็วกว่ามีวีณาอยู่ใกล้ๆ นี่คะ วีณาขอโทษป้าสมรด้วยนะคะที่ทำให้ป้าลำบาก” หญิงสาวยกมือไหว้ป้าสมรก่อนจะพึมพำเสียงอ่อย เธอยอมถอยออกมาแต่โดยดี

                “ป้าไม่ลำบากเลยค่ะ คุณวีณาไม่ต้องเกรงใจป้าหรอก ไปรอคุณพงศ์ที่โต๊ะอาหารเถอะค่ะ”

                วีณาจำใจเดินลงไปตามคำแนะนำ ทิ้งให้เจ้านายและลูกน้องอยู่กันตามลำพังสองคน

                “เดี๋ยวนี้ป้าสมรเอ็นดูเด็กๆ นะครับ” พงศธรเอ่ยแซวแม่บ้านประจำบ้านของเขา

                “โถ พ่อคุณ อย่าบอกป้านะว่าอิจฉาคุณวีณาเขาน่ะ” ป้าสมรเอ่ยแซวเจ้านายแต่มือก็ยังคงทำความสะอาดอย่างคล่องแคล่ว เศษกระเบื้องถูกเก็บเรียบร้อยด้วยความรวดเร็ว เธอยืนขึ้นหันมองมาที่เจ้านายหนุ่มที่เธอเห็นมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กชาย

                “หึหึหึ ผมไม่ได้อิจฉาสักหน่อย ป้าสมรอย่ามาแกล้งแซวผมให้ยากเลย” พงศธรบอกปัดทันที

                “ใครว่าป้าไม่เชื่อคุณพงศ์กันเล่า ป้านะ..เชื่อคุณพงศ์ทั้งใจเลยละ ไม่เคยเชื่อใครเท่านี้เลยนะ”

                สมรส่งยิ้มยั่วเย้าให้เจ้านายของเธอ พฤติกรรมต่อผู้หญิงที่เปลี่ยนไปของเจ้านาย ทำไมเธอจะดูไม่ออก แม้จะเปลี่ยนไม่มากแต่ก็เปลี่ยน แน่นอนเธอเห็นความผิดปกติที่เกิดทั้งหมด แต่เธอจะรอดูความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีอย่างเงียบๆ ไม่กระโตกกระตากให้เจ้านายของเขาตกใจแตกตื่นหนีไปเสียก่อน

                “ป้าว่าคุณพงศ์ไปอาบน้ำก่อนลงไปทานข้าวดีกว่านะคะ ไปค่ะคนเก่ง เดี๋ยวอาหารจะเย็นหมดนะคะ”

                สมรไล่ต้อนเจ้านายให้กลับเข้าห้องไปอาบน้ำ เพื่อที่อาบเสร็จจะได้ลงไปทานอาหารพร้อมสาวน้อยน่ารักที่สุดที่เคยเห็นมาในรอบหลายปี

                “ครับ ไปอาบแล้วครับ เดี๋ยวนี้ผมไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะถึงต้องให้ป้าไล่ให้ไปอาบน้ำเหมือนสมัยก่อน”

                “ค่ะไม่ใช่เด็กๆ แล้ว โตเป็นหนุ่มหล่อกล้ามโต สาวๆ เห็นทีไรเป็นต้องมองตามคอแทบหัก หรือไม่จริงคะ เถียงคนแก่บาปนะคะ ไม่เอาแล้ว ป้าไม่ชวนคุณพงศ์คุยแล้ว ไปค่ะ..ไปอาบน้ำได้แล้ว”

                “ครับผม...ไปแล้วครับ” ชายหนุ่มยอมกลับเข้าห้องไปแต่โดยดี

                พงศธรที่ถือผ้าขนหนูผืนใหญ่อยู่ ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้มเมื่อนึกไปถึงใบหน้าของวีณาขณะตื่นตกใจที่ทำข้าวของเสียหาย ยัยตัวยุ่งไปแล้วเขาเองก็ขออาบน้ำเพื่อจะได้ลงไปรับประทานอาหาร พร้อมกับสั่งสอนบทเรียนที่หญิงสาวไม่เคารพกฎ ฝ่าฝืนคำสั่งหรือแม้แต่คำร้องขอจากเขา

                “วีณา...ผมว่าคุณอยากลองดีมากกว่านะ ถ้าอยากจะรู้ว่าการขัดคำสั่งผมมันจะได้ผลเป็นยังไง เดี๋ยวผมจัดให้ หึหึหึ” เสียงทุ้มรำพึงเบาๆ ก่อนทิ้งท้ายด้วยการหัวเราะในลำคออย่างพึงพอใจ.........

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น