• พรหมเล่ห์รัก (Destiny...I fall in love) ตอนที่ 21 _ 40%

    ช่วงนี้ปั่นสู้ตายมากค่ะ ไม่เกเรเลยได้อ่านกันสม่ำเสมอ ไม่ขาดช่วงแน่ๆ ค่ะ ^^




    ตอนที่ 21 _ 40 %

                ไม่คิดว่างานจะล่าช้าไปมากกว่าที่คิด ปกติช่วงนี้ของทุกปีหลังจากที่จัดการผลผลิตในสวนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็จะมีเวลาพักหายใจหายคอสักอาทิตย์สองอาทิตย์ ก่อนจะเข้าไปช่วยงานในบริษัทที่ตนเองถือหุ้นอยู่อีกหลายที่ เพื่อจะได้ไม่มีใครว่าได้ว่านอนรอเงินปันผลปลายปีแค่อย่างเดียว เป็นบุคคลที่ไร้ซึ่งประโยชน์

                เนื่องจากอากาศเปลี่ยน ฤดูกาลก็คลาดเคลื่อนทำให้ผลไม้ในสวนโดยเฉพาะลำไยในปีนี้ได้รับผลกระทบมากที่สุด และที่ปวดหัวเป็นที่สุดสำหรับพวกลุง ป้า น้า อา คนงานในสวนที่ทำงานด้วยกันมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่าก็คือ ลำไยที่ฝั่งซ้ายออกลูกพร้อมเก็บแต่ฝั่งขวายังแค่เริ่มแทงช่อดอกเท่านั้นทั้งๆ ที่เป็นต้นเดียวกันแท้ๆ

                ไหนเลยมนุษย์เดินดินจะชนะธรรมชาติได้ ทั้งเขาและคนงานจึงได้แต่ก้มหน้าจัดการกันไป แต่การระดมความรู้และข้อคิดเห็นต่างๆ ก็หนักหนาและเข้มข้นเอาการเพื่อปากท้องและอาชีพของชาวบ้านที่มารับจ้างเป็นคนงานในสวน โดยส่วนตัวเขาเองนั้นแม้จะไม่ทำงานก็มีเงินกินสบายไปทั้งชาติ แต่การกินเงินเก่าบุญเก่าของมรดกที่ได้รับคงจะไม่ภาคภูมิใจเท่าเงินที่ใช้แรงกายแรงใจและมันสมองเพื่อให้ได้เงินมา

                อากาศในกรุงเทพฯ วันนี้ยังคงเหมือนเช่นเคย ร้อน อบอ้าวและมีกลิ่น แต่จะผิดไปจากเดิมก็คือเป้าหมายที่เพิ่มขึ้นมา ตาคมเหลือบไปเห็นพนักงานขับรถของบริษัทที่ให้มาส่งรถ

                “คุณพงศ์ครับ ทางนี้ครับท่าน”

                พงศธรเดินเข้าไปหาแต่ไม่ได้ยื่นกระเป๋าสัมภาระให้อีกฝ่ายเป็นคนถือทั้งๆ ที่เขาเห็นมือที่ยื่นมาข้างหน้าและสายตาที่จดจ้องอยู่ที่กระเป๋าของเขาอย่างจริงๆ จังๆ

                “โธ่ คุณพงศ์ครับ จะให้ไอ้ผดุงคนนี้ถือกระเป๋าให้สักครั้งได้มั้ยครับเนี่ย ตั้งแต่ผมได้มารับที่สนามบินทีไร ไม่เคยได้ช่วยถืออะไรเลยนะครับนอกจากช่วยขับรถไปส่งให้ที่พัก”

                เสียงโอดครวญราวกับเขาทำผิดเสียเต็มประดาเรียกรอยยิ้มให้กับพงศธรมิใช่น้อย

                “ลุงแก่กว่าพ่อผมอีกนะ ผมจะให้ลุงถือได้ยังไง”

                เขาตอบเสียงเรียบ คำตอบเดียวกับที่เคยตอบไปแล้วในหลายๆ ครั้งที่ลุงผดุง พนักงานขับรถกิตติมศักดิ์ที่ทำงานมาตั้งแต่รุ่นปู่ของเขาและตอนที่ก็ยังทำอยู่ พนักงานคนเดียวที่ขึ้นตรงและรับเงินเดือนจากเขาเท่านั้น ไม่มีใครมีสิทธิ์มาไล่ออกหรือมาใช้งานนอกเหนือหน้าที่ ชายหนุ่มยังคงดูแลคนที่ปู่ของเขาเคยให้การอุปถัมภ์อย่างดีทุกคนซึ่งส่วนใหญ่แต่ละคนจะเป็นคนดีอยู่แล้ว

                พงศธรให้หน้าที่ลุงผดุงแค่เพียงดูแลที่พักและรถยนต์ของเขา มีหน้าที่มารับและไปส่งเขาที่สนามบินยามเขามาที่กรุงเทพฯ เท่านั้น นอกเหนือจากนี้ยามที่เขาไม่อยู่ก็ให้ดูแลเหล่าผู้บริหารทั้งหลายหากใครต้องการใช้บริการคนขับรถกิตติมศักดิ์คนนี้ซึ่งก็มีมาขอใช้บริการอยู่เนืองๆ เนื่องจากฝีมือขับรถที่เฉียบขาดของตัวลุงผดุงเองและความนอบน้อมที่ทำให้เหล่าผู้บริหารรักใคร่ชายคนนี้ดั่งญาติที่เห็นกันมานาน

                ชายหนุ่มเดินตามไปขึ้นรถที่จอดเอาไว้ที่อาคารจอดรถของสนามบิน สัมภาระของเขามีแค่กระเป๋าเล็กๆ เพียงใบเดียว นอกนั้นของทุกอย่าง เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ เขามีอยู่แล้วที่นี่ไม่จำเป็นต้องขนมาให้ยุ่งยาก สายตาคมทอดมองรถราที่วิ่งไปมาอยู่บนท้องถนน ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานรถยังติดขนาดนี้ พงศธรคิดเอาไว้ว่าจะต้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านก่อนที่จะขับรถออกจากบ้านอีกครั้งเพื่อไปหาใครบางคนที่เขาคิดถึงอยู่ทุกคืน

                พงศธรล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง กดเลื่อนหารายชื่อจากเบอร์โทรออกล่าสุด เจอแล้วจึงกดโทรออกอีกครั้งหนึ่ง

                “ขอสายกระติกหน่อย” พงศธรอารมณ์ดีเสียจนไม่สนใจคำกระแนะกระแหนของปลายสาย “ไม่เรียกมารับก็ไม่เป็นไร ฝากบอกด้วยแล้วกันว่าถึงกรุงเทพฯ แล้ว”

                ตู๊ดๆๆๆ

                “อ้าว อะไรของมันวะ เดี๋ยวนี้ไอ้พงศ์มันแปลกๆ นะเนี่ย” อนาคินบ่นพึมพำเมื่อเขายังไม่ทันเดินไปตามภรรยามารับสายพงศธรก็ตัดบทและยังตัดสายทิ้งไปก่อนเสียด้วย

                “พี่อนาคินบ่นอะไรคะ กระติก-หิว-แล้ว” เมื่อภรรยาสุดที่รักเน้นเสียงขนาดนี้มีหรือสามีคนดีจะชักช้าโอ้เอ้

                “จ้า เดี๋ยววันนี้พี่พาไปทานข้าวข้างนอกบ้าน อยากกินอะไรบอกได้เลยเดี๋ยวพี่พาคุณแม่กับคุณลูกไปกินกันนะครับ” อนาคินกุลีกุจอรับลูกชายมาอุ้มไว้แทนแต่ก็ไม่ลืมเล่าให้ภรรยาฟังถึงคนที่เพิ่งวางสายไปเมื่อครู่

                “มีคนฝากบอกว่าถึงกรุงเทพฯ แล้ว”

                “อ๋อ พี่พงศ์ถึงแล้วเหรอคะ ดีค่ะ จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” คุณแม่หยอกกับคุณลูกไม่ได้สงสัยอะไรมากมาย

                “แต่พี่ว่าห่วงสักหน่อยก็ดีนะ ดูมันแปลกๆ ไป กระติกลองคิดดูสิ มันโทรหากระติกแต่เลือกโทรเข้าเครื่องพี่เพื่อจะขอสายกระติกกับพี่ พอพี่บ่นนิดหน่อยมันกลับไม่โกรธหรือโมโห ฝากข้อความแล้วก็วางสายไปดื้อๆ ซะอย่างนั้น ผิดวิสัยไอ้พ่อเลี้ยงกวนโอ๊ยอย่างแรง ปกติมันต้องตื๊อจะคุยกับเราให้ได้ไม่ใช่เหรอ”

                “อืม...กระติกว่าไม่แปลกหรอก” กิตติญาสบตากับอนาคิน รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้า “คนมีความรักก็แบบนี้ละค่ะ”

                “หึหึหึ ท่าจะจริง” แขนแข็งแรงอีกข้างที่ว่างจากลูกชายตัวกลมโอบภรรยาเข้ามาใกล้อย่างรักใคร่อารมณ์ดีเป็นที่สุดที่เสี้ยนหนามตัวขัดขวางความหวานจะมีแฟนไปสักที




                งาน งานและงาน ชีวิตที่มีแต่งานดูเหมือนจะเริ่มขาดความหวานอย่างเห็นได้ชัดเจน วีณามั่นใจว่าเธอนั้นแข็งแรงและเธอมีความสุข

                แต่มันไม่สุด!!!

                วีณาไม่คิดเลยว่าในชีวิตของชะนีน้อยหอยสังข์อย่างเธอจะต้องมาพบเจอกับปัญหาเช่นนี้

                สุขแต่ไม่สุด!!! คำนี้ดูเหมือนเธอจะต้องขึ้นป้ายจัดประเภทคนฟังก่อนพูดกันเลยทีเดียว

                “อันผู้ชายนั้นหาง่ายดังฝูงลิง แต่ลิงตัวที่ชื่อพ่อเลี้ยงพงศธรดันมีตัวเดียวนี่สิ มันแย่ตรงนี้ ไอ้วีณาเครียดตรงนี้ละเจ้าค่ะเจ้าแม่ชะนี” มือเรียวของวีณาผายขึ้นไปเหนือศีรษะประหนึ่งท่าทางประกอบการแสดงละครเวที

                “หึหึหึ” เสียงทุ้มดังขึ้นก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินเอามือกุมท้องเข้ามาหา “ฮ่าๆๆๆ”

                ‘หนอย!! แอบมาฟังแล้วยังจะมาหัวเราะกันได้นะ เดี๋ยวชะนี เอ๊ย วีณาน้อยหอยสังข์ก็กระโดดกัดคอซะหรอกหมายมาดในใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ยอมหยุดหัวเราะ

                จักรกฤษณ์ที่เดินเข้ามาทันได้เห็นและได้ยินฉากเด็ดนั้นปั้นหน้าไร้เดียงสาสุดฤทธิ์ วีณาจ้องชายหนุ่มอย่างโมโห วันนี้เธออุตส่าห์รีบกลับบ้านแต่ก็ยังมีคนตามมาแย่งเวลาพักผ่อนของเธอ หญิงสาวหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาแล้วสาดไปที่จักรกฤษณ์โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันระวังตัว

                “เฮ้ย!!

                ชายหนุ่มเบี่ยงตัวหลบแต่เดชะบุญหรือกรรมก็ไม่ทราบได้ ขาพันกันจนเซล้มไปหาตัวต้นเหตุ จักรกฤษณ์กางแขนกอดหมับเข้าที่ร่างบางที่ยืนตะลึงอยู่กับที่ ไม่มีเสียงโวยวาย ไม่มีเสียงอะไรเลยนอกจากเสียงหายใจของคนทั้งคู่

                “เอ่อ ผมว่า ผมคงมาผิดเวลา เอาไว้ผมมาใหม่ก็แล้วกันนะ”

                วีณาหน้าซีด คำว่าขนลุกชูชันไปทั้งตัวมันรู้สึกแบบนี้นี่เอง ร่างบางยกมือขึ้นผลักจักรกฤษณ์ให้ออกห่างทันที

                “พี่พงศ์ พี่พงศ์อย่าเพิ่งไปค่ะ หยุดก่อนค่ะ โอ๊ย! จะมาจับทำไมเล่า ปล่อยสิ”

                พลั่กๆ
                บาทานางที่แลดูจะหนักหนากว่าดัชนีนางหลายเท่านัก ยกขึ้นและประทับลงไปที่หน้าแข้งของจักรกฤษณ์เต็มๆ สองที

                “โอ๊ย!! วีณากระทืบพี่ทำไมเนี่ย”

                ก็จะมารั้งทำไมกันเล่า ดูสิพี่พงศ์หายไปแล้ว ตามไม่ทันกันพอดี ไม่เตะให้ม้ามแตกก็ดีแค่ไหนแล้วอีตาบ้าแน่นอนคำพวกนี้เธอได้แค่คิดอยู่ในใจเพียงเท่านั้น

                “อุ๊ยพี่กฤษณ์ วีณาขอโทษค่ะ วีณาลืมตัว เจ็บมากมั้ย ขอโทษนะคะ”

                ภาพลักษณ์นางงามใสซื่อดีพร้อมที่วีณาต้องสวมหัวโขนอยู่นี้ หญิงสาวบอกตัวเองเลยว่า ถ้าไม่มีจุดมุ่งหมาย เธอคงไม่ยอมทำมันอีกต่อไป คงจะวิ่งตามผู้ชายหน้าตาดีที่เธอแสนจะคิดถึงทุกวินาทีคนนั้นออกไปแล้ว


    *** ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ ขอบคุณนักอ่านเงาที่ทำให้ไรเตอร์รู้ว่ายังมีคนอ่านนิยายของเราอยู่เสมอ ขอบคุณเม้นทุกเม้นที่มาคอยทวงและคอยให้กำลังใจไรเตอร์ ขอบคุณนะคะ ***
                 



1 ความคิดเห็น:

  1. Nong_nongka กล่าวว่า...

    เฮียอย่าเกรงอิหนูวีณาดิ

แสดงความคิดเห็น