• พรหมเล่ห์รัก (Destiny...I fall in love) - ตอนที่ 16 _ 80%

    ขอบคุณรูปจากกูเกิลค่ะ



    ตอนที่ 16 _ 80%

               พงศธรจับมือเรียวของสาวน้อยตรงหน้าเอาไว้ก่อนจะรั้งร่างบางเข้ามากอดอย่างรวดเร็ว อ้อมกอดอุ่นร้อนที่มาโดยไม่ทันได้ตั้งตัวทำเอาวีณาหยุดหายใจไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบสูดหายใจเข้าพร้อมกับความเป็นจริงที่ว่าพี่พงศ์ดึงเธอเข้าไปกอดแถมยังกอดแน่นเสียด้วย ความหวาดกลัวและความอ่อนแอที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากแห่งความกล้าหาญถูกสะกิดแผลให้เปิด หญิงสาวซุกใบหน้าเข้าแผงอกอุ่นเรียวแขนเสลากอดรัดเขาแน่นอย่างไม่อาย วีณาขอซึมซับความปลอดภัยจากผู้ชายคนนี้เพื่อลบล้างความหวาดกลัวที่เกาะกินในใจให้หมดไป


                มือหนาลูบศีรษะของร่างบอบบางแผ่วเบา รอจนหญิงสาวคลายอ้อมแขน เมื่อใบหน้านวลที่ยังมีรอยช้ำให้เห็นเงยหน้าขึ้นมองเขา พงศธรก็โน้มลงหาใบหน้างามตรงหน้าอย่างต้องมนต์ความอบอุ่นที่บังเกิดระหว่างสองคน ดวงตากลมโตจำต้องหลับตาพริ้มเมื่อรับรู้ถึงริมฝีปากหนาอุ่นชื้นประทับเข้าที่แก้มและตามไรคาง รอยจุมพิตที่ราวกับจะปลอบประโลมให้รอยช้ำนั้นจางหายไปจางใจเธอให้เร็วที่สุดราวกับเวทย์มนต์

                ชายหนุ่มจูบซับไปทั่วใบหน้าอ่อนโยนราวกับกลัวว่าหญิงสาวในอ้อมแขนจะแตกหัก กดจมูกโด่งเข้าที่แก้มหอมนวลหนักๆ อย่างอดใจไม่ไหวสูดรับเอาความหอมอบอวลของแก้มสาวเข้าเต็มปอด ก่อนที่เขาจำต้องอดใจไว้ไม่รังแกคนเจ็บแสนน่ารักหลับตาพริ้มราวกับรอให้เขารังแกอยู่ตรงหน้า พงศธรดึงตัวออกห่างอย่างช้าๆ เสียงถอนหายใจดังขึ้นเมื่อต้องทำในสิ่งที่ใจไม่อยากจะทำเลยแม้แต่น้อย เขายังต้องมีเรื่องรับผิดชอบอีกมากส่วนสาวน้อยแสนหวานตรงหน้า อย่างไรเสียคงหนีเขาไปไหนไม่พ้นหรือถ้าพยายามจะหนี คิดหรือว่าตัวเขาจะยอมปล่อย

                ไม่มีทาง!

                พงศธรยืนยันกับตัวเอง เขาไม่มีทางปล่อยผู้หญิงที่เข้ามาทำให้ใจของเขาสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นพฤติกรรมไขว่เขวเปลี่ยนแปลงหลุดมือไปอย่างแน่นอน เสียงบางอย่างที่เกิดขึ้นลอยมาเข้าหูอยู่ในตอนนี้ทำให้พงศธรจำต้องปล่อยน้องน้อยของเขาออกจากอ้อมแขน เขายังต้องจัดการปัญหาต่างๆ ให้เรียบร้อย

                “อูย” เสียงครางแผ่วๆ เรียกสติของคนอื่นในห้องได้ในทันที

                เขี้ยวพยายามยกเปลือกตาขึ้น แสงไฟนีออนแม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถทำร้ายดวงตาอันบอบบางของเขาได้แล้ว ชายหนุ่มลืมตาขึ้นจนสุดน้ำตาเริ่มคลอเบ้าแสบตาเล็กน้อย จอภาพแรกที่ฉายชัดคือห้องๆ หนึ่งซึ่งเขาแน่ใจว่าไม่เคยเห็นห้องนี้มาก่อนอย่างแน่นอน เขี้ยวจำได้ว่าเขาต่อสู้กับเต่าพยนต์ตัวนั้นอย่างยาวนาน สู้อย่างถึงที่สุด ไม่ว่าเขาจะใช้วิธีไหนเต่าตัวนั้นก็ไม่ยอมตายสักที

                แรงที่ใช้ไปกับการต่อสู้ที่ยาวนานทำให้เขี้ยวไม่มีแม้พลังแรงกาย ตอนนี้เขาหิวน้ำเหลือเกิน ขาสองข้างยันพื้นเพื่อให้ตนเองลุกจากเก้าอี้

                “โอ๊ย! ใครมันเล่นตลกกับกูวะเนี่ย”

                เขี้ยวก้มดูสภาพของตัวเองเมื่อเขาไม่สามารถจะลุกขึ้นได้อย่างใจ เอี้ยวคอสำรวจไปรอบๆ ก็เห็นว่าเขาถูกเชือกมัดที่ขาและข้อมือ ลำตัวยังถูกผูกติดกับเก้าอี้เหล็กแถมเก้าอี้ยังถูกล่ามโซ่เอาไว้กับเสาอีกต่างหาก แค่ผูกมือกับเท้าเขาก็ไปไหนไม่รอดแล้ว นี่อะไร...ทำอย่างกับเขาเป็นนักโทษรอประหารชีวิต

                “พวกคุณปล่อยผมไปเถอะ ผมมันก็แค่ลูกน้องเขา ทำตามคำสั่ง..ไม่มีสมอง” เขี้ยวพยายามลดบทบาทของตัวเองแถมยังใช้น้ำเสียงน่าสงสารเพื่อหวังจะเอาตัวรอดอีกด้วย

                วีณาเหลือบสายตาดูเสี้ยวหน้าของพงศธร บัดนี้ผู้ชายหน้าตาดีของเธอเริ่มเงียบขรึมจนดูน่ากลัว เขาจูงมือเธอให้เดินมาหยุดอยู่ตรงนี้ สายตาคมยืนมองแต่ไม่มีคำพูดอื่นใดออกจากปาก

                “วีณากลับไปรอที่บ้านเล็กก่อนนะ”

                คำสั่งนี้เธอรู้ว่าหากดื้อดึงไปก็เท่านั้น วีณาเชื่อใจว่าพี่พงศ์ของเธอจะจัดการเรื่องทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย ถึงอยู่เธอก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้รังแต่จะเกะกะเขาเสียเปล่าๆ

                “ค่ะพี่พงศ์ แต่พี่ต้องสัญญากับวีณานะคะว่า เสร็จเรื่องเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหน พี่ต้องไปเล่าให้วีณาฟัง ไม่อย่างนั้นวีณาจะไม่ไปไหน จะนั่งมันอยู่ที่นี่แหละ” ทั้งขู่ทั้งอ้อน

                “ผมสัญญา”

                พงศธรพูดจบก็จับร่างบางให้หันหลังก่อนจะรุนหลังเธอเบาๆ กระตุ้นให้เดินออกไปจากห้อง นางโหงพรายตามติดวีณาไม่ห่าง หน้าที่ของมันคือเฝ้าหญิงสาวไม่ให้คลาดสายตามันต้องตามไปจนถึงบ้านเล็ก ผิดกับผีสาวกัลยาที่นั่งอยู่บนกิ่งไม้มุมดีเห็นข้างในชัดติดตามทุกสถานการณ์


                วีณาเดินเอ้อระเหยลอยชายไปตามทางเดินเล็กๆ แล้วเธอก็เห็นสุนัขสีขาวพันธุ์ไทยใส่เสื้อกันหนาวสีแดงที่กำลังลุกขึ้นจากพื้น ยืดตัวอย่างขี้เกียจจนแลดูน่าขันก่อนจะวิ่งเข้ามาหาเธอ

                “อ้วนตันเพิ่งตื่นเหรอ ทำไมไม่ไปนอนที่บ้านแกล่ะ” ตั้งชื่อให้เสร็จสรรพ เธอหมายถึงบ้านหลังเล็กๆ ที่เจ้าของของมันสร้างไว้ให้

                อ้วนตันที่กำลังงงว่าตัวเองชื่อนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นั้น เดินเข้ามาดม ดม แล้วก็ดม จนท้ายที่สุดวีณาถึงขั้นหยุดเดินเพื่อให้มันดมจนพอใจ ก่อนจะบ่นพึมพำเมื่อมันจามออกมาเสียงดัง

                “หนอย...อนามัยจัดนักนะเราน่ะ รู้ได้ไงว่ายังไม่ได้อาบน้ำ”

                วีณาหยอกเย้ากับมันอีกเล็กน้อย ร่างบางจึงเริ่มออกเดินไปให้ถึงบ้านพักของเธอโดยไม่สนสุนัขตัวอ้วนที่บัดนี้ก็ไม่สนเธอเช่นกัน เพราะตอนนี้มันกำลังวิ่งวนไล่งับหางตัวเองอยู่เป็นที่น่าขบขัน วีณาครุ่นคิดถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยความเป็นห่วง

                “ขอให้พี่พงศ์ปลอดภัย และที่แน่ๆ ขอให้พี่พงศ์อย่าฆ่าคนตายเลย สาธุ” หญิงสาวยกมือท่วมหัว เธอกลัวว่าพงศธรจะบันดาลโทสะจัดการผู้ชายอีกคนจนหาแก่ชีวิตไม่

                ถ้าผู้ชายอบอุ่นจนร้อนคนนี้ของเธอติดคุกแล้วเมื่อไหร่เธอจะได้แต่งงานกันล่ะ’ หญิงสาวคิดเพียงในใจ

                วีณาหวังว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะจบลงด้วยดี แล้วเธอก็จะได้กลับไปทำงาน เมื่อนึกถึงตอนนี้ใจดวงน้อยๆ ของหญิงสาวก็กระตุก วีณาขมวดคิ้วเมื่อเห็นถึงปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้น หากเรื่องทั้งหลายจบลงตัวเธอเองก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตดังเดิม หญิงสาวคว้าผ้าขนหนูที่แขวนเอาไว้ติดมือเดินเข้าห้องน้ำหวังชำระล้างร่างกายและความเหนื่อยล้าให้สบาย ทิ้งปัญหาที่ยังมองทางแก้ไม่เห็นไว้ที่เดิม

               
                ผีสาวกัลยาลอยเข้ามาหานางโหงพรายที่ยืนนิ่งสงบอยู่ด้านนอกริมหน้าต่างห้องพักของวีณา พระจันทร์คืนนี้สาดแสงนวลสว่างจนแทบไม่ต้องใช้ไฟส่องก็เห็นทางเดินได้ชัดเจน ผีสาวเงยหน้ามองพระจันทร์ก่อนจะพึมพำเสียงแผ่ว

                พี่โหงพราย ฉันไม่น่าไปดูคุณพงศ์เลยจริงๆ นะพูดจบก็ทำท่าทางขนลุก ตัวสั่นเบาๆ เมื่อนึกถึงภาพที่ได้รับรู้มา

                เมื่อผีสาวหันไปมองใบหน้าของนางโหงพรายที่ทำหน้าเหมือนมีคำว่า สมน้ำหน้า ตัวโตๆ แปะหน้าผากเสียงหวานรีบแก้ตัวทันที

                ก็แหมพี่โหงพราย ฉันไม่คิดนี่นาว่าคุณพงศ์จะโหดขนาดนั้น...แล้วเรื่องราวการกระทำของเจ้านายใหญ่สุดในบ้านก็ถ่ายทอดออกมาอีกยาวเหยียด

                วีณาที่เคลิ้มหลับไปแล้วรู้สึกตัวตื่นขึ้น หญิงสาวเดินไปที่ตู้เย็นในห้องครัวหมายจะไปหาน้ำดื่มดับกระหาย มือเรียวจับแก้วน้ำยกขึ้นดื่มช้าๆ รู้สึกขัดเคืองที่ปลายนิ้ว เมื่อดื่มน้ำจนหมดแก้ววีณาจึงยกปลายนิ้วเจ้าปัญหาส่องกับไฟในตู้เย็น

                “อ๋อ หนามไมยราพนี่เองนึกว่าอะไร ในที่สุดก็โผล่ออกมาแล้วสินะ”

                เสียงพึมพำบ่งบอกว่าเข้าใจถึงธรรมชาติของมัน เมื่อวีณาหามันไม่เจอก็ต้องรอให้มันโผล่ขึ้นมาเองเหมือนตอนนี้ที่มันโผล่ขึ้นมาแล้ว หากปล่อยเอาไว้จะกลายเป็นหนองได้ หญิงสาวคลำทางกลับไปที่เตียง เธอไม่ได้เปิดไฟแต่วีณารู้ว่าเธอจะหากรรไกรตัดเล็บได้ที่ไหน หญิงสาวมุ่งตรงไปที่กระเป๋าเดินทางของเธอที่วางอยู่ข้างเตียง อาศัยแสงนวลจากพระจันทร์ในคืนนี้ทำให้เธอเดินถึงที่หมายได้โดยง่าย มือเรียวเอื้อมไปหมายจะเปิดไฟหัวเตียง แล้วหางตาของเธอก็สังเกตถึงความผิดปกติที่ริมหน้าต่าง

                “กรี๊ด!!!

                พงศธรที่อาบน้ำจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว กำลังเดินมาตามที่สัญญาเอาไว้กับหญิงสาวต้องเร่งฝีเท้า.............

1 ความคิดเห็น:

  1. Nong_nongka กล่าวว่า...

    อิหนูวีณากรี๊ดอะไร เฮียร์รีบๆเลย

แสดงความคิดเห็น