• Love under the sky. ตอนที่ 02

    ตอนที่ 2


                 ยูอินั่งมองคนที่เมาเหมือนเมื่อคืนอย่างกับแกะ แต่ดีหน่อยที่ยังสนใจจะคุยกับเธอบ้าง หญิงสาวถอนหายใจอย่างอ่อนใจเมื่อมองไปยังชายหนุ่มร่างหน้าตาดีตรงหน้าเธอ มือก็ยกแก้วเหล้ากระดกเข้าปากสลับกับพึมพำงึมงำอะไรคนเดียวก็ไม่อาจรู้ได้

                “ยูอิ” คนเมาเรียกชื่อเธอเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ขี้เกียจจะนับ

                “หือ” ยูอิเอนกายมองพลางสังเกตพฤติกรรมคนเมาอย่างสบายอารมณ์

                “เธอน่ะไม่รู้อะไรหรอก” ชายหนุ่มตัดพ้อ

                “รู้อะไรล่ะ?”

                “ชีวิตครอบครัวเธอมันอบอุ่น”

                “อืม อบอุ่น แล้วทำไมล่ะ” ยูอิตอบรับ รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นมาเมื่อนึกไปถึงใบหน้าของบิดาและแม่มีนาของเธอ ใช่แล้วครอบครัวของเธออบอุ่นจริงๆ

                “ฉัน...อิจฉา”

                “.....” ยูอิไม่พูดอะไรเพราะถึงเธอจะพูดอะไรออกไปเขาก็คงไม่รับรู้เนื่องจากตอนนี้แทนไทฟุบหลับลงไปแล้วนั่นเอง

                “เฮ้อ เมาแล้วก็หลับอีกแล้ว ลำบากฉันอีกละสิเนี่ย ทำไมเมาง่ายดายอย่างนี้นะคุณแทนไท” หญิงสาวเหลียวมองไปรอบๆ หมายจะไหว้วานพนักงานร้านให้มาช่วยเธอแบกคนตัวโตกว่าไปที่รถเหมือนเช่นเคย

                หลังจากจัดการพาแทนไทขึ้นมาบนรถเรียบร้อยแล้วหญิงสาวขับรถกลับบ้านด้วยความระมัดระวัง คืนนี้จริงๆ แล้วเธอตั้งใจจะไม่ออกข้างนอก แต่อีกใจก็อยากออกหลังจากที่เพิ่งตื่นนอนเมื่อเที่ยงวัน นั่งแต่งนิยายที่ยังแต่งค้างอยู่อีกครึ่งเรื่องให้คืบหน้า ยูอิไม่ได้ออกไปทำงานนอกบ้านเธอแต่งนิยายและทำออกขายในรูปแบบอีบุ๊ก ซึ่งสามารถขายได้ทั่วโลกหากคนซื้อมีอุปกรณ์ที่รองรับการอ่านตามที่ทางร้านค้าออนไลน์นั้นกำหนด ซึ่งก็ถือว่าเธอทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำโดยที่ไม่ต้องเหนื่อยไปตากแดดตากลมเลยแม้แต่น้อย แต่บางครั้งก็รู้สึกเหงาเพราะไม่มีเพื่อนร่วมงานให้พูดคุยเลยสักคนเดียว

                แต่ก็ยังมีคนตามอ่านนิยายที่เธอเอาไปลงไว้ในเว็บ อ่านอย่างเดียวจริงๆ เพราะยอดอ่านพุ่งสูงแต่ไม่มียอดการแสดงความคิดเห็นต่อนิยายเรื่องที่เธอลงเลยแม้แต่คนเดียว ถึงจะทำเป็นไม่สนใจ ปลงกับเรื่องแบบนี้ แต่พอมาคิดๆ ดูยูอิก็แอบน้อยใจเล็กๆ ลึกๆ อยู่เพียงในใจ

                “พ่อคะ แม่คะ”

                ยูอิร้องเรียกอยู่หน้าห้อง เมื่อเห็นบิดาลุกขึ้นมาเปิดประตูผมกระเซิงแสดงว่าเพิ่งลุกจากที่นอน ก็ชี้มือไปทางด้านล่างของบ้าน คิโต้นึกว่าลูกสาวมีเรื่องอะไรที่แท้ก็เก็บคนกลับมาบ้านอีกแล้ว เขาเดินลงไปเป้าหมายคือรถของลูก ก่อนจะเปิดประตูแบกคนหนุ่มกว่าซึ่งเมาหลับไม่รู้เรื่องเข้ามานอนในบ้าน ยูอิไม่รอท่าเมื่อเห็นบิดาวางแทนไทลงแล้ว เธอเอาหมอนมาหนุนศีรษะห่มผ้าและเปิดพัดลมไล่ยุงให้ ก่อนจะเอ่ยขอบคุณแล้วไล่บิดาให้ขึ้นไปนอน

                ร่างบางขึ้นไปบนห้องนอนฉวยหยิบกระเป๋าคอมพิวเตอร์ลงมาข้างล่าง เธอหาที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กับที่แทนไทนอนอยู่ เปิดเพลงคลอไปเบาๆ เริ่มลงมือแต่งนิยายต่อโดยไม่สนใจคนเมาที่หลับไม่สนใจเธอเช่นกัน เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกหรือเธอมีสมาธิเลยแต่งนิยายได้ลื่นไหลก็ไม่รู้ ยูอิแต่งได้จนจบตอนที่ค้างเอาไว้

                หญิงสาวเปิดเข้าดูเว็บที่เธอใช้ในการลงนิยายวันนี้มีแต่นักเขียนชื่อดังทั้งนั้นที่ลงตอนใหม่ๆ ก่อนหน้าเธอ ยูอิถอนหายใจอย่างเซ็งๆ เมื่อรู้เลยทันทีว่าถ้านักเขียนดังๆ ลงนิยายแล้วเธอไปลงต่อเมื่อใดก็จะไม่ค่อยมีคนเข้ามาอ่านของเธอเลย ส่วนเรื่องการแสดงความคิดเห็นในนิยายของเธอนั้นก็ไม่ต้องหวังเข้าไปใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้นยูอิก็ยังเลือกที่จะลงนิยายของตัวเธอต่อไป

                นาฬิกาตอนนี้บอกเวลาตีสี่สี่สิบนาทีได้เวลาพระอาทิตย์จะขึ้นมาแล้ว พระอาทิตย์กับแดดอันร้อนแรง เสียงกุกกักดังขึ้นเรียกสายตาของหญิงสาวให้หันไปมอง

                “อรุณสวัสดิ์ค่ะแม่ ยูอิว่าจะไปนอนพอดีเลยค่ะ ง่วงแล้ว”

                “วันนี้ลงนิยายเหรอลูกถึงได้กลับมาบ้านเร็วกว่าทุกวัน”

                “ค่ะแม่ แต่งครบตอนพอดียูอิก็เลยอัพไปเลยค่ะ ไปนอนนะคะ ฝันดีค่ะ จุ๊บๆๆๆ” ยูอิเก็บข้าวของวางให้เรียบร้อยก่อนจะลุกขึ้นเดินมากอดลาไปนอนพักแต่ก็ต้องชะงักเมื่อถูกทักด้วยคำถามประจำเหมือนเช่นทุกวัน

                “ยูอิ หนูทานยาหรือยังคะลูก ยาที่แม่จัดไว้ให้มันไม่พร่องเลยนะคะ มาทานยาก่อนแล้วค่อยไปนอนค่ะ” มีนาเดินเอายาในถ้วยกระเบื้องใบเล็กที่จัดเอาไว้ให้ลูกสาวทานก่อนนอนเป็นประจำทุกวันไปให้ พร้อมทั้งเตรียมน้ำเปล่าเต็มแก้วไปให้ด้วย

                “ขอโทษค่ะแม่ ยูอิลืมมัวแต่แต่งนิยายเพลิน” รับถ้วยกระเบื้องมาเทยาไว้ในฝ่ามือเรียว กำยาหลากสีหลายเม็ดป้อนเข้าปาก เอื้อมคว้าแก้วน้ำกรอกตามลงไปทันทีด้วยความเคยชินเพราะเธอต้องทานยามาตั้งแต่เด็กๆ เลยก็ว่าได้

                มีนามองลูกสาวด้วยความรักใคร่ แม้ไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่ก็เลี้ยงมาตั้งแต่สิบขวบ เธอรักของเธอยิ่งกว่าสิ่งใด ตามใจทุกอย่างแต่ลูกคนนี้ก็ไม่เคยทำให้ลำบากใจออกจะเป็นเด็กที่เข้าใจโลกและเหตุผลได้ง่ายๆ เสียด้วยซ้ำ มือบางลูบศีรษะทุยของลูกสาวอย่างเอ็นดู ส่งยิ้มอบอุ่นให้ไป ทุกคืนได้แต่สวดขอพรให้ครอบครัวของเธออยู่กันพร้อมหน้าและอบอุ่นอย่างนี้ต่อไปตราบนานเท่านาน


                มิตรภาพแบบแปลกๆ ของคนสองคนดำเนินไปอย่างราบรื่นผ่านไปจนหกเดือนแล้วที่ทั้งสองคนได้เจอกัน แทนไทไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะได้เพื่อนมาจากการเมา เพื่อนที่ไม่เคยถามเซ้าซี้หรือมองเขาด้วยสายตาที่ทำให้เขาดูด้อยค่าเลยแม้แต่น้อย แทนไทอยากจะให้ถึงกลางคืนเร็วๆ เพื่อที่เขาจะได้มาเจอยูอิที่ร้านนี้ เขาเคยถามหลายครั้งว่าทำไมถึงออกจากบ้านแค่กลางคืน คำตอบที่ได้ถึงขั้นทำเอาเขาต้องเอามือกุมศีรษะแล้วก็ตั้งชื่อเล่นให้สาวญี่ปุ่นเพื่อนใหม่ของเขาคนนี้ว่า “ยัยแวมไพร์”

                “สวัสดีค่ะคุณแทนไทขอนั่งด้วยนะคะ” เสียงหวานๆ ของเพื่อนใหม่ของเขาดังขึ้น

                “ผมว่าคุณนั่งพร้อมกับขอเนี่ย ต่อไปก็ไม่ต้องขอหรอก นั่งลงมาเลยดีกว่ามั้ย” ประชดเล็กน้อยแต่พองามก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะเมื่อเห็นใบหน้านวลงามบึ้งตึง

                “ก็เดี๋ยวจะหาว่าไม่มีมารยาท ขอสักหน่อยก็ดีกว่าไม่ขอเลยไงเล่า ว่าแต่วันนี้ที่ทำงานเป็นยังไงบ้าง โดนบ่นอีกรึเปล่าล่ะ” ยูอิถามไถ่คำพูดเริ่มไม่มีพิธีรีตองเหมือนตอนแรก

                เธอลุ้นให้แทนไทเข้าใจกันกับบิดาโดยไวหลังจากเธอกลายเป็นศิราณีคอยรับฟังปัญหาครอบครัวของเขาไปโดยปริยาย จากที่วิเคราะห์ดูแล้วนั้นบิดาของแทนไทผิดที่ใช้อารมณ์ ส่วนแทนไทเองก็ผิดที่ต่อต้านและขัดคำสั่งอยู่บ่อยครั้ง ทั้งสองไม่มีตัวกลางในการประสานเนื่องจากมารดาของแทนไทเสียไปแล้ว ทิ้งให้ผู้ชายสองวัยอยู่ด้วยกันตามลำพังนั่นเอง

                “อืม...ไม่โดนนะ ปกติต้องโดนแต่วันนี้ไม่...”

                “แล้วทำตามที่บอกหรือเปล่าล่ะ”

                “ทำ...ก็ทำจริงๆ ไม่ได้โกหกนะ” แทนไทรีบย้ำเมื่อเห็นหญิงสาวช้อนตาขึ้นมองเขม็งอย่างเอาเรื่องถ้าคำตอบไม่ได้ดั่งใจตน

                “ทำยังไงบ้างล่ะ เล่าให้ฟังหน่อยสิ” ยูอิคะยั้นคะยออีกฝ่ายให้เล่าให้ฟัง “นะ เล่าให้ฟังหน่อย เผื่อจะเก็บรายละเอียดไปเขียนนิยาย”

                “โห อะไรกัน เรื่องของฉันห้ามเอาไปเขียนนะ” แทนไทโวยเมื่อรู้ว่าเพื่อนจะเอาเรื่องไปเขียนนิยาย

                “เออน่า แค่นี้งกไปได้ รีบๆ เล่ามาอย่ามัวแต่เล่นตัว” ยูอิที่เริ่มหงุดหงิดเมื่อแทนไทไม่มีทีท่าว่าจะเล่าสักทีบ่นออกมา “ถ้าไม่เล่าก็กลับบ้านแล้ว เซ็ง!!!

                “เล่าๆๆๆ แหม แค่นี้ทำน้อยใจไปได้”

                “ก็แค่นั้นแหละ เล่นตัวจริงๆ เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยว” ยูอิยกกำปั้นขวาขึ้นมาชูแต่ดูยังไงก็ไม่น่ากลัว กลับน่ารักเสียจนหัวใจของแทนไทกระตุกวาบค้างอยู่กับที่

                “คุณ.. นี่คุณ คุณแทนไทจะเล่าไหมเนี่ย เรื่องสยองไม่กลัว กลัวช้าเนี่ยแหละ เล่ามาได้แล้วอย่ามัวอมพะนำ”

                “จ้า เล่าแล้วจ้ะ” แทนไทจ้องหน้านวลรูปไข่ก่อนจะรีบดึงสมาธิกลับมาสู่การเล่าจนได้...........

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น