บทนำ
“ยูอิ วันนี้หนูจะออกไปเที่ยวไหนคะ”
เสียงหวานๆ ของมีนาแม่เลี้ยงวัยสามสิบห้ากำลังถามลูกเลี้ยงแสนน่ารักที่สุดในสายตาของเธอ เมื่อเห็นว่าลูกสาวคนสวยของเธอกำลังจะเปิดประตูออกไปข้างนอกบ้าน ซึ่งแน่นอนว่าคงจะออกไปเที่ยวกลางคืนเหมือนเช่นทุกวัน
“ยูอิจะออกไปแถวนี้ละค่ะ ไม่ไปไหนไกลและสัญญาว่าจะรีบขับรถกลับบ้านมาให้ทันตีสาม โอเคไหมคะแม่?”
“โอเคจ้า ไหนมาให้แม่กอดหน่อยสิจ๊ะ”
มีนายังไม่ละความพยายามเมื่อเห็นท่าทีขัดขืนของลูกสาวที่เธอเลี้ยงมาตั้งแต่อายุสิบขวบจนป่านนี้เป็นสาวอายุยี่สิบสามเข้าไปแล้ว ผิวละเอียดขาวผ่องค่อนออกไปทางซีดอย่างคนไม่เคยโดนแดด นัยน์ตาสีน้ำตาลออกแววเศร้าอยู่ในทีของลูกเลี้ยงนั้น ยิ่งทำให้เธอซึ่งจับพลัดจับผลูมารักกับผู้ชายที่หนีความเศร้าจากประเทศญี่ปุ่นหอบลูกสาวข้ามน้ำข้ามทะเลมาเจอเธอซึ่งเปิดร้านกาแฟอยู่ใต้ตึกที่เขาทำงานอยู่ แล้วกามเทพก็แผลงศรทั้งสองคนต่างเชื้อชาติก็ตกลงแต่งงานและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่เมืองไทยนี่เอง
“โหย.. แม่คะ ยูอิโตแล้วนะคะไม่ใช่เด็กอายุสิบห้าเหมือนเมื่อก่อน”
“โถลูกสาวของแม่ ถึงตอนนี้หนูอายุยี่สิบสามแม่ก็ยังกอดได้นะลูก” อ้อมกอดบอบบางกอดคนตัวเล็กดื้อเงียบเอาไว้แน่นๆ ชั่วอึดใจก่อนจะคลายอ้อมกอดแต่ไม่วายกำชับ
“ไม่เกินตีสามนะลูก”
“ค่ะ” ยูอิตอบรับเสียงยานคาง
แม่มีนาของเธอห่วงเธอยิ่งกว่าบิดาของเธอเสียอีก หญิงสาวส่งยิ้มให้คนที่ทำท่าจะเข้ามากอดเธออีกรอบ รีบเดินไปจับลูกบิดประตู บิดแล้วผลักประตูออกไป แล้วอีกเสียงที่เธอเพิ่งนึกถึงก็ตะโกนลงมาจากชั้นสองของบ้าน
“ไม่เกินตีสามนะลูก พ่อกับแม่จะตั้งนาฬิกาปลุกไว้ ถ้าตีสามแล้วลูกยังไม่ถึงบ้าน พ่อจะทำโทษ...”
เสียงพูดภาษาไทยแปร่งๆ ของคิโต้ซึ่งกำลังซ่อมโคมไฟอยู่ชั้นสองของบ้านเดินมาพูดกับลูกสาวที่ตรงบันไดทำให้ลูกสาวต้องตอบรับเสียงยานคางอีกครั้งเรียกเสียงหัวเราะจากเขาได้ทันที
“พ่อรีบไปซ่อมโคมไฟของยูอิเถอะค่ะ ยูอิจะกลับมาแล้วเอาไว้ใช้อ่านหนังสือนะคะ” ยูอิหันไปเร่งบิดาก่อนจะรีบเดินไปที่รถยนต์คันสวยที่บิดาของเธอซื้อให้ขับไปไหนมาไหนเอง
วันนี้ยูอิคิดไว้แล้วว่าจะกลับไปที่เดิม ที่ที่เธอค้นพบเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วว่ามีคนน่าสนใจให้เธอนั่งมองและศึกษาพฤติกรรม ยูอิใช้เวลากลางวันในการนอนพักผ่อนและออกจากบ้านในเวลากลางคืน แน่นอนต้องกลับบ้านไม่เกินตีสามของทุกวัน นั่นคือกำหนดเส้นตายจากบิดาและแม่มีนาของเธอ ห้ามค้างนอกบ้านถ้าไม่มีเหตุด่วนเหตุร้าย และที่แน่ๆ ถ้ากลับบ้านหลังตีสามเธอจะต้องโดนทำโทษโดยไม่ให้ออกไปข้างนอกเป็นเวลาเจ็ดวัน ซึ่งยูอิก็ยังไม่เคยโดนโทษนั้นสักครั้งเลย
ขับรถไปทางเดิมที่เธอเคยมาเป็นประจำก่อนจะขัยรถเข้าไปจอดในที่ประจำ หยิบขวดเครื่องดื่มชูกำลังขึ้นมากับหนังสือยอดนิยมของเหล่าบรรดาพี่รปภ. ทั้งหลายเพื่อเป็นของกำนัล แล้วรถของเธอก็จะถูกดูแลเยี่ยงลูกในไส้ ยูอิเดินเข้าไปหาลุงมั่นบิดาบุญธรรมของรถเธอ พูดคุยด้วยพอหอมปากหอมคอก่อนจะยื่นสิ่งของให้ถือเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ
ยูอิที่วันนี้เลือกใส่เสื้อแขนยาวสีน้ำเงินคลุมทับด้วยแคนดิแกนตัวยาวสีน้ำตาลเข้มอีกชั้น กางเกงยีนสีน้ำเงินขาเดฟสวมรองเท้าผ้าใบสีขาวคู่เก่ง มือเรียวขาวซีดยื่นบัตรให้เจ้าหน้าที่ตรวจก่อนจะเดินเข้าไปข้างในอย่างคุ้นเคย หญิงสาวเลือกมาที่ร้านตั้งแต่ยังไม่มีคนเพื่อจะได้เลือกมุมได้ตามใจชอบ
ร้านที่เธอเลือกมานั้นเป็นหนึ่งในร้านดังของย่านระเริงราตรีทั้งหลาย ยูอิเลือกร้านนี้ก็เพราะว่าทางร้านแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหน้ารองรับผู้ที่พิสมัยการนั่งดื่มและดูบรรยากาศการเล่นดนตรีสด ส่วนถัดเข้าไปอีกเป็นห้องกระจกขนาดใหญ่มีทางออกหลายทางเพื่อรองรับนักเต้นรำเท้าไฟผู้พิศมัยการเต้นรำ ยูอิเลือกนั่งในส่วนหน้าเมื่อจับจองที่ทางได้แล้วหญิงสาวก็หันไปสั่งเครื่องดื่มกับบริการที่เดินเข้ามาถามรายการเครื่องดื่มพร้อมทั้งเชิญชวนให้สั่งของขบเคี้ยวราคาแพงลิบลิ่ว
คืนนี้เธอได้เครื่องดื่มสีหวานมาไว้ในครอบครองกับถั่วทอดโรยเกลือหนึ่งจานเล็กๆ เท่านี้เธอก็ได้นั่งอย่างสบายอารมณ์สอดส่ายสายตาสังเกตพฤติกรรมคนที่นี่ได้ทั้งคืนแล้ว ร่างบางหันไปมองรอบๆ ดวงตากลมโตหรี่ลงเมื่อเธอเห็นว่าคนคนนั้นมานั่งอยู่ก่อนเธอเสียอีก แถมตอนนี้ก็เมาเละไม่เป็นท่า
“โห วันนี้มาก่อนเราอีกนะเนี่ย เมาเละขนาดนี้เลยเหรอ งั้นวันนี้ขอสังเกตคนเมาสักวันละนะ”
ยูอินั่งยิ้มเมื่อเห็นคนเมาเอนไปเอนมาทาทางชวนหัวในสายตาเธอเหลือเกิน ศีรษะกลมทุยส่ายไปมาตัดสินใจเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะเดียวกันกับผู้ชายคนที่เธอแอบสังเกตพฤติกรรมมาตั้งหลายวัน ยูอิยืนมองเขาในระยะใกล้เสียจนคนถูกมองต้องเงยหน้าขึ้นมา
“สวัสดีค่ะ ขอนั่งด้วยคนได้ไหมคะ?”
ยูอิเสนอตัวขอนั่งด้วยอีกคน แม้ท่าทางของฝ่ายตรงข้ามจะไม่ได้ตอบสนองอะไรกลับมาเลยก็ตามเธอตีความหมายว่าอนุญาตและเชิญตัวเองนั่งลงเก้าอี้ตรงข้ามกันเรียบร้อย
“ชื่อยูอิค่ะ” ฉีกยิ้มให้หวังกรุยทางแห่งมิตรภาพ
“ไม่ได้ถาม” เสียงเข้มๆ เมาๆ ตอบกลับมา
‘อ้าว กรรมละสิ ดันมาเจอผู้ชายหน้าตาดีแต่ปากไม่ดี แต่ก็ช่วยไม่ได้นะ ถูกชะตาไปแล้วนี่’
ยูอิคิดในใจเธอยอมรับว่าถูกชะตากับคนเมาที่ดูเหมือนอมทุกข์คนนี้เสียเหลือเกิน...ไม่รู้ทำไม ไม่เข้าใจตัวเองเอาเสียเลยให้ตายสิ
“ไม่ได้ถามแต่ยูอิอยากบอก”
ยิ้มเท่านั้นที่เป็นประตูเปิดมิตรภาพแต่ตอนนี้ยูอิเริ่มเซ็งเหลือเกิน ทำไมตัวเธอถึงได้เลิกมาเปิดมิตรภาพกับคนที่จอรับสัญญาณไม่ปกติด้วยนะ เธอบ้าหรือโง่ที่เลือกเปิดมิตรภาพกับคนเมากันเนี่ย
“วันนี้ไม่ซื้อ อยากเมา”
“เฮ้ย นี่นายฉันไม่ได้ขายตัวนะ แค่อยากเป็นเพื่อน”
แทนเงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวที่บอกว่าอยากเป็นเพื่อนกับเขา ร่างบอบบางผิวขาวซีดวงหน้านวลและดูเบลอๆ ไม่ชัดในสายตาเขาเลยแม้แต่น้อย มันผะอืดผะอมแปลกๆ ชายหนุ่มทนไม่ไหวอีกต่อไป
"อ๊าย!!! ตายๆๆ ยูอิทำไมถึงได้เลือกจะมีเพื่อนตอนเมากันนะ ดูสิ พี่คะๆ ช่วยหน่อยค่ะ"...........
0 ความคิดเห็น: