• พรหมเล่ห์รัก (Destiny...I fall in love) - ตอนที่ 17 _ 45%

    ขอบคุณภาพจากกูเกิลค่ะ


    ตอนที่ 17 _ 45%



                อากาศยามเช้าที่ชายหนุ่มไม่เคยจะได้ตื่นมาสัมผัสสักเท่าใด แม้จะเป็นเช้าที่ไม่คุ้นเคยแต่ก็ถือว่าอากาศดีพอใช้ได้ แปดโมงเช้าเป็นการตื่นที่น่าโมโหที่สุดของเขาเลยก็ว่าได้เพราะเขาว่ามันเช้าเกินไปสำหรับคนนอนตีสี่ จักรกฤษณ์มองไปที่ตัวต้นเหตุเจ้ากี้เจ้าการปลุกเขาตั้งแต่เช้าและยังเป็นแบบนี้มาเป็นอาทิตย์แล้วที่กำลังเดินเข้ามาหลังจอดรถเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่รู้ว่ายัยคนนี้ไปกินอะไรผิดสำแดงมาช่วงนี้ถึงได้เข้ามาวุ่นวายกับเขาเสียจริง

                “ไง แต่งตัวพร้อมแล้วนี่ วันนี้เราจะไปวัดกัน” กิ่งกาญจน์ไม่พูดเปล่าเดินเข้ามาลากแขนของเจ้าบ้านให้ไปกับเธอ

                ร่างหนากว่าขืนตัวเองพร้อมทั้งสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมอย่างง่ายดาย

                “วัด! ใครบอกว่าฉันจะไปกับแก ปล่อยนะเว๊ย”

                “อ้าวไอ้นี่พูดไม่เพราะ สันดานอย่างแกเนี่ย มันเสียซะจนต้องเข้าวัดบ้างเผื่อมันจะได้กล่อมเกลาจิตใจหยาบๆ ของแกให้อ่อนลงเสียบ้าง”

                “ไม่ไป ถ้าจะไปแกก็ไปคนเดียวดิ จะมาลากกันไปทำไม”

                “อ้าว ถ้าแกไม่ไป แกจะมานั่งรอฉันทำไมที่หน้าบ้านกันยะ” กิ่งกาญจน์ถามอย่างโมโห

                จักรกฤษณ์ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมทั้งนั้น เขายังนอนไม่เต็มอิ่มแต่ก็ยังอุตส่าห์ลุกขึ้นมาแต่งตัวและลงมานั่งรอกิ่งกาญจน์แบบงงตัวเอง ตลอดหลายวันที่ผ่านมาเขายังงงไม่หายว่าทำไมถึงต้องทำตามที่ผู้หญิงคนนี้ลากเขาไปด้วยนะ แต่ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะเดินหนีเข้าบ้าน

                “กฤษณ์ขึ้นไปหาพ่อที่ห้องทำงานด้วย” เสียงเข้มๆ ของบิดาดังขึ้น ร่างสูงของบิดายืนอยู่ตรงประตูบ้าน

                ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่กับที่ชั่วขณะ เมื่อคิดไม่ตกว่าบิดาเรียกให้ขึ้นไปหาเพื่ออะไร เขาก็ได้แต่เดินไปยังจุดหมายปลายทางตามที่บิดาสั่งให้เร็วที่สุด

                เมื่อเปิดประตูหนาหนักเข้าไปในห้องทำงานที่ถูกตกแต่งไว้อย่างดี เอกสารจัดไว้ในตู้อย่างเป็นหมวดหมู่ ในห้องทำงานของบิดาเต็มไปด้วยลูกน้องในชุดซาฟารีสีกากีที่ยืนก้มหน้าเหมือนจะรอรับคำพิพากษา จักรกฤษณ์เริ่มตงิดใจว่าตัวเขาเองไปทำความผิดอะไรหรือเปล่า

                หรือว่า…’ คิดเพียงในใจได้เท่านั้น

                “แกไปทำความผิดอะไรไว้หรือเปล่า พ่อให้โอกาสสารภาพออกมาตอนนี้”

                “ผม..” สมองทบทวนถึงความผิดซึ่งเขาเองยังคิดไม่ออก

                ซวยแล้วไงกู ไปทำอะไรผิดอีกวะเนี่ย ช่วงนี้งดก่อเรื่องนี่หว่าแต่ไหนโดนพ่อเรียกมาเฉ่งได้วะ หรือว่าจะเป็นเรื่องขอยืมคนไปทำงาน ปกติพ่อก็ไม่หวงนี่นา’ เขาครุ่นคิดพลางก่นด่าถึงความซวยของตนเอง

                “จักรกฤษณ์!!!” เสียงเข้มขึ้นเมื่อไม่มีกาตอบรับสักที

                “ครับพ่อ” ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อย

                “ถ้าแกนึกไม่ออกก็ไม่เป็นไร พ่อจะบอกแกให้เอาบุญ” จักรภพพูดขึ้นมาเมื่อเห็นว่าลูกชายเพียงคนเดียวยังคงนิ่งไม่ตอบคำถาม

                “เมื่อเช้าฉันได้รับโทรศัพท์จากหัวหน้าพรรคว่าผู้ให้เงินสนับสนุนพรรคโทรหา..” จักรภพที่ยืนอยู่นั่งลงที่เก้าอี้แต่ยังคงจ้องหน้าลูกชายไม่คลาดสายตา

                “ท่านโทรมาบอกว่าผู้สนับสนุนพรรคจะยกเลิกเงินสนับสนุนทั้งหมด ถ้าหากว่าแกไม่ไปกราบขอโทษหลานสาวเขา ไง! ตอนนี้เริ่มนึกออกบ้างหรือยังว่าแกไปทำเรื่องงามหน้าอะไรไว้”

                จักรภพถามขึ้นแม้จะรู้คำตอบแล้วจากการคาดคั้นลูกน้องของเขาว่าลูกชายได้ไหว้วานให้ไปทำเรื่องชั่วช้าอะไรบ้าง ทุกครั้งที่เกิดเรื่องเขาเองมักจะเข้าข้างตัวเองว่าลูกชายของเขายังเด็ก ลูกชายที่ต้องขาดแม่ไปตั้งแต่เล็ก ตัวเขาเองก็ไม่มีเวลาที่จะดูแลทำให้ทั้งรักทั้งตามใจ แต่ครั้งนี้เรื่องที่เกิดขึ้นเขาไม่สามารถเข้าไปช่วยให้เงียบลงได้ง่ายๆ อีกทั้งอีกฝ่ายยังเป็นผู้มีอิทธิพลและยังได้ตัวลูกน้องของเขาเอาไว้ พร้อมจะแจ้งความทุกเมื่อหากเล่นตุกติก

                “หลานสาว?” จักรกฤษณ์ทวนคำ

                “ใช่ หนูวีณา พาธียะ แกจำได้หรือเปล่าว่าแกสั่งคนให้ไปทำอะไรแม่หนูคนนั้น” จักรภพทวงถาม

                “แต่ผม..”

                “ไม่ต้องเถียงว่าแกยังไม่ทันทำอะไรเขาเลย ใช่สิเพราะแกเขาถึงได้หนีไปหลบอยู่กับญาติ แต่แกก็ยังส่งคนออกตามหา แล้วเมื่อคืนมันก็ก่อเรื่องจนได้”

                “ก่อเรื่องเหรอครับพ่อ” ความซวยมาเยือนของจริงละคราวนี้ เนื้อสาวก็ยังไม่ได้แตะแถมทำท่าจะได้ไปกราบขอโทษเขาอีก กรรมอะไรของเขากันนะ

                จักรภพเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ลูกชายที่นั่งหน้าซีดได้รับรู้ ทั้งดุและด่าอย่างหนัก อีกทั้งยังตั้งใจไว้เลยว่าถ้าเรื่องนี้จัดการเรียบร้อยแล้วเขาจะต้องจัดการเรื่องของลูกชายคนนี้ต่อทันที จัดการให้ลูกชายเพียงคนเดียวของเขาเป็นผู้เป็นคนเสียที ไม่ใช่ลอยชายใช้เงินพ่อแม่เป็นเบี้ยเที่ยวก่อเรื่องไปทั่วแบบนี้

                “ฉันขอยื่นคำขาด ถ้าแกยังจะเป็นลูกของฉันอยู่ พรุ่งนี้แกจะต้องไปขอขมาและกราบขอโทษเขาถึงที่บ้าน ถ้าแกไม่ทำ เราขาดกัน”

              จักรภพจ้องมองลูกชายที่กำลังสับสนและที่แน่ๆ อาจจะใจเสีย เขาลุกขึ้นเดินเข้าไปหาลุกชายหัวแก้วหัวแหวน

                “พ่อรักเรานะ...กฤษณ์” เสียงอ่อนโยนผิดจากเมื่อสักครู่ “แต่ครั้งนี้เราทำไม่ถูก”

                “ครับพ่อ..ผมรับปาก พรุ่งนี้ผมจะไปขอโทษเขาที่บ้านครับ”

                จักรกฤษณ์รับปากอย่างหนักแน่น แม้จะรู้สึกเสียหน้าแต่ความรักต่อบิดานั้นมีมากกว่า ชายหนุ่มไม่อยากเป็นตัวก่อความเดือดร้อนจนผู้สนับสนุนพรรคที่บิดาสังกัดอยู่ต้องยกเลิกการช่วยเหลือทุกอย่าง เพียงเพราะเขาสั่งให้คนไปจับตัวหลานสาวมาแต่เท่าที่ฟังบิดาเล่ามานั้น คนของเขายังไม่ทันได้ทำอะไรเพียงแค่ใช้กำลังบีบบังคับจับตัว ส่งผลให้ร่างกายและผิวกายบอบบางของผู้หญิงแสบๆ คนนั้นเป็นรอยฟกช้ำโดยเฉพาะที่ใบหน้าร่อง รอยที่เห็นในรูปบ่งชี้ชัดมากว่าผิดไปจากสีผิวเดิม

                และเท่าที่ทราบมานั้นตามที่บิดาเอ่ยถึงคร่าวๆ ผู้หญิงคนนั้นหนีไปซบอยู่ใต้ปีกของผู้มีอิทธิพล แน่นอนมีทั้งอำนาจและเงินตรา แต่จักรกฤษณ์คิดว่าคนๆ นั้นคงเป็นคนที่ฉลาดมากเสียจนไม่ออกโรงทำอะไรทั้งสิ้น รอเพียงแค่คนของเขาลงมือแล้วจัดการถ่ายรูปทุกอย่างเอาไว้พร้อม ยื่นต่อรองโดยไม่มีการลงทุนลงแรงเลยแม้แต่น้อย สมองอันชาญฉลาดของจักรกฤษณ์คิดว่าแผนนี้น่าจะมีการคิดตรึกตรองเอาไว้แล้วเป็นแน่

                “เฮ้อ ไม่น่าโง่เลยจริงๆ ให้ตายสิ”

                “ฮ่าๆๆ ก็แกน่ะโง่อยู่แล้ว ฉันบอกแกแล้วไงว่าให้เลิกซะ ดันไม่ยอมเชื่อฉันเอง ช่วยไม่ได้ เป็นไงล่ะเดือดร้อนกันถ้วนหน้า สม

                กิ่งกาญจน์ที่นั่งรอจักรกฤษณ์อยู่ในห้องนั่งเล่น วันนี้เธอได้รับหน้าที่มอบหมายมาอย่างไรเสียก็ต้องทำให้ดีที่สุดไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่อย่างนั้นจะเสียชื่อกิ่งกาญจน์คนเก่งได้

                “ไม่ต้องมาทำหน้าเหมือนกะหล่ำตกรถ ไปข้างนอกกันได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปขอขมา เอ๊ย! ขอโทษน้องคนนั้นนี่ ยังไงแกก็ต้องออกไปซื้อของ อย่ามัวแต่เล่นตัว ฉันเนี่ยอุตส่าห์เจียดเวลานอนอันมีค่ามาเป็นตุ๊กตาหน้ารถกิตติมศักดิ์เชียวนะเว๊ย”

                จักรกฤษณ์ได้ยินคำโอ้อวดตนของเพื่อนคู่กัดตั้งแต่เด็ก หันกลับไปมองนิ่งแล้วส่ายศีรษะไปมาอย่างจนในคำพูด จนสาวสวยที่ห้าวเสียจนไม่มีคนกล้าจีบยกฝ่ามือเรียวขึ้นฟาดเข้าที่หลังอย่างแรง

                “โอ๊ย! เจ็บนะ”

                “เออ เจ็บก็ไปได้แล้ว มัวแต่หัวเราะอยู่ได้ ชักช้าจริงเชียว”

                “ชักช้าก็ท้องสิ”

                 พูดจบจักรกฤษณ์เดินไปที่รถก่อนอย่างรวดเร็วโดยไม่เหลียวหลังกลับมามองคนที่นิ่งค้างอยู่กับที่แม้แต่น้อย

                “อ๊าย! อะ ไอ้..ไอ้ลามก ไอ้บ้า!

                หน้านวลซับสีเลือดไปจนถึงโคนผมก่อนจะเดินกระแทกส้นเท้าตามไปอย่างเสียมิได้ ท่ามกลางเสียงหัวเราะในลำคออย่างถูกใจของใครบางคน



                ใช่เลย...ใช่ที่เช้านี่เธอจะกลายพันธุ์จากมนุษย์ธรรมดาเป็นหมีแพนด้า เรื่องราวเมื่อคืนทำเอาวีณารับกับเรื่องราวที่ได้รับฟังมาแทบไม่ทัน แค่ไม่ทัน...ไม่ใช่ว่ารับไม่ได้ เพียงแต่ที่วีณายังคงหลอนอยู่นิดๆ ก็คือ ตกลงแล้วเธอเป็นคนเห็นผีไปแล้วจริงๆ จะเห็นตลอดไปทั้งชีวิตหรือ..หรือเพียงแค่อยู่ๆ คลื่นสมองเธอดันปรับไปตรงกันกันคลื่นของผีชั่วครั้งชั่วคราวกันนะ นี้สิข้อสำคัญที่ทำเอาวีณานอนไม่หลับ เพราะขนาดพ่อมดหมอผีรูปหล่อที่สุดในโลกตอนนี้ยังให้คำตอบเธอไม่ได้เลย

                ให้ตายสิ! วีณาคนงามรับบ่ได้!



    ขอบคุณภาพจากกูเกิล เครดิตตามภาพค่ะ





0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น